เริ่มแล้ว! กทม. ผนึก กสทช.-NT เปิดสายด่วน 1818 บริการผู้มาสักการะพระบรมศพฯ

09 พ.ย. 2568 | 01:52 น.
อัปเดตล่าสุด :09 พ.ย. 2568 | 01:52 น.

กรุงเทพมหานครร่วมกับ กสทช. และ NT เปิดสายด่วน 1818 โทรฟรีทุกวัน 08.00–21.00 น. ให้ข้อมูลและคำแนะนำครบวงจร แก่ผู้ที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระบรมมหาราชวัง

KEY

POINTS

  • กทม. ร่วมกับ กสทช. และ NT เปิดบริการสายด่วน 1818 โทรฟรี เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพฯ
  • สายด่วนเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00–21.00 น. เพื่อให้ข้อมูลและคำแนะนำที่ถูกต้อง
  • ให้ข้อมูลครอบคลุมเรื่องการเดินทาง การแต่งกาย ขั้นตอนการเข้ากราบ จุดจอดรถ และจุดบริการต่างๆ ในพื้นที่ท้องสนามหลวง
  • สามารถสอบถามเรื่องการบริจาคสิ่งของ และการอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่เดินทางมาเป็นหมู่คณะได้

กรุงเทพมหานครร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เปิดให้บริการ “สายด่วน 1818 โทรฟรี” เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่เดินทางมากราบถวายบังคมพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระบรมมหาราชวัง

บริการสายด่วนดังกล่าวเปิดรับสายทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00–21.00 น. โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำ 5 คู่สาย พร้อมให้คำแนะนำและข้อมูลที่ถูกต้อง ครอบคลุมทุกเรื่องเกี่ยวกับการเข้าถวายสักการะ ตั้งแต่วันเวลา ขั้นตอนการเข้ากราบ การแต่งกายที่เหมาะสม การเดินทางด้วยรถยนต์ รถสาธารณะหรือเรือ จุดจอดรถใกล้เคียง ตลอดจนจุดบริการต่าง ๆ ภายในท้องสนามหลวง เช่น จุดบริการอาหาร ห้องน้ำ จุดบริการทางการแพทย์ และจุดยืม-คืนเครื่องแต่งกาย

นอกจากนี้ยังเปิดให้ประชาชนสอบถามวิธีการแจ้งความประสงค์นำอาหาร เครื่องดื่ม หรือสิ่งของมาบริจาค รวมถึงขอรับการอำนวยความสะดวกในกรณีเดินทางมาเป็นหมู่คณะ ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ประจำสายด่วนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุภาพ ให้ข้อมูลครบถ้วน และพร้อมประสานงานอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกสูงสุด

นายไทวุฒิ ขันแก้ว รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ในช่วงนี้ กทม. ได้เพิ่มมาตรการรองรับการเดินทางของประชาชนจำนวนมาก โดยสถิติ ณ วันที่ 8 พฤศจิกายน มีผู้เข้ากราบถวายสักการะเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ ณ ศาลาสหทัยสมาคม รวม 2,284 คน ทำให้ยอดรวมตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม ถึง 8 พฤศจิกายน อยู่ที่ 34,704 คน

เพื่อรองรับการเข้าร่วมของประชาชน กทม. จัดตั้งเต็นท์พักคอยพร้อมเก้าอี้นั่งพัก จัดเตรียมรถวีลแชร์รวม 73 คัน สำหรับให้บริการผู้สูงอายุและผู้พิการ ซึ่งในวันเดียวมีผู้ใช้บริการกว่า 30 ราย พร้อมติดตั้งปลั๊กไฟสำหรับชาร์จโทรศัพท์มือถือในเต็นท์พักคอยรวม 80 จุด รองรับการชาร์จได้กว่า 300 เครื่อง และติดตั้งจุดชาร์จรถกอล์ฟไฟฟ้า 11 จุด รองรับรถได้พร้อมกัน 20 คัน

ในส่วนของการบริการทางการแพทย์ กรุงเทพมหานครได้จัดตั้งจุดบริการ 14 จุดทั่วพื้นที่ ตั้งแต่บริเวณอุโมงค์พระลาน เต็นท์พักคอย สนามหลวง ไปจนถึงจุดโรงครัวพระราชทาน มีทีมแพทย์และพยาบาลประจำให้คำปรึกษาและดูแลสุขภาพประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่ผ่านมา มีผู้รับบริการทางการแพทย์รวม 206 ราย

ขณะเดียวกัน กทม. ได้จัดรถกอล์ฟไฟฟ้ารับส่งผู้สูงอายุในพื้นที่สนามหลวง ซึ่งมีผู้ใช้บริการแล้วกว่า 2,700 ราย โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำกว่า 150 คน พร้อมตรวจสอบสภาพรถทุกสัปดาห์ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้โดยสาร

ด้านสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล กทม. จัดบริการสุขาสำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการ รวม 31 หน่วย พร้อมรถสุขาเคลื่อนที่ และเจ้าหน้าที่ดูแลความสะอาดตลอดวัน มีการจัดเก็บขยะรวมกว่า 300 กิโลกรัมต่อวัน แบ่งเป็นขยะทั่วไป รีไซเคิล และเศษอาหาร พร้อมตั้งจุดคัดแยกขยะ 12 จุดทั่วพื้นที่ นอกจากนี้ ยังจัดเจ้าหน้าที่ดูแลสนามหญ้าและไม้ประดับโดยรอบให้คงความเรียบร้อยและสวยงาม

สำหรับบริการยืมเครื่องแต่งกาย กทม. ได้จัดจุดยืมผ้าถุงและกางเกงให้ประชาชนที่แต่งกายไม่ถูกระเบียบ ซึ่งมีผู้ใช้บริการแล้วกว่า 400 ราย โดยผ้าและเครื่องแต่งกายทุกชุดผ่านการซักรีดทำความสะอาดก่อนนำกลับมาให้ยืมใหม่ทุกครั้ง

ในด้านความปลอดภัย มีการจัดเจ้าหน้าที่เทศกิจร่วมกับตำรวจดูแลตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมติดตั้งกล้อง CCTV และจัดเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรบริเวณทางเข้า–ออก ป้องกันความสับสนและรักษาความเรียบร้อย รวมถึงเตรียมรถดับเพลิงและเจ้าหน้าที่ประจำพื้นที่ พร้อมถังดับเพลิงสำรองในจุดปรุงอาหาร เพื่อให้การถวายสักการะเป็นไปด้วยความปลอดภัยและสมพระเกียรติ

นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครยังได้ติดตั้งจอ LED และระบบเสียงตามสายกว่า 20 จุด บริเวณเต็นท์พักคอยและอุโมงค์หน้าพระลาน เพื่อฉายพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ให้ประชาชนได้ชมระหว่างรอคิวถวายสักการะ

การเปิดให้บริการสายด่วน 1818 โทรฟรี จึงถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญของกรุงเทพมหานครในการดูแลประชาชนอย่างรอบด้าน ทั้งด้านข้อมูล การเดินทาง ความปลอดภัย สุขอนามัย และความเรียบร้อย เพื่อให้การถวายสักการะเป็นไปด้วยความสงบ สง่างาม และเป็นระเบียบเรียบร้อยยิ่งขึ้น