KEY
POINTS
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลงนามในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ถอนสัญชาติไทย ของ นายพัด สุภาภา หรือ ลียง พัด อย่างเป็นทางการ การตัดสินใจครั้งสำคัญนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณที่แข็งกร้าวที่สุดของรัฐบาลไทยในการจัดการกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่ผูกพันกับผู้มีอิทธิพลระดับสูงตามแนวชายแดน
คำสั่งถอนสัญชาติระบุอย่างชัดเจนว่า นายพัด สุภาภา ซึ่งได้รับสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ มีพฤติการณ์ยังคงใช้สัญชาติกัมพูชา ประกอบกับได้รับรายงานข้อมูลจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ว่ามีพฤติการณ์ที่ เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับกลุ่มบุคคลที่ฉ้อโกงประชาชน
ที่สำคัญ การดำเนินการครั้งนี้อ้างอิงถึงการที่นายพัด สุภาภา ถูกสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างชาติแห่งสหรัฐอเมริกา (OFAC) คว่ำบาตร เนื่องจากมีลักษณะพิเศษในการถูกอายัดทรัพย์สินเพราะเกี่ยวข้องกับ การค้ามนุษย์และหลอกลวงไซเบอร์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเห็นว่า พฤติกรรมดังกล่าว กระทบกระเทือนต่อความมั่นคง หรือขัดประโยชน์ต่อรัฐ และ ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ซึ่งเข้าข่ายถูกถอนสัญชาติไทยตามมาตรา 19 (2) (3) (4) แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 และหากปล่อยไว้จะก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อสาธารณะได้
ก่อนหน้าคำสั่งถอนสัญชาติไม่นาน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ดำเนินการตามปฏิบัติการของนายกรัฐมนตรีที่เรียกประชุมคณะอำนวยการปราบปรามอาชญากรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ด้วยการ อายัดทรัพย์สินของ นายพัด สุภาภา เฉพาะในประเทศไทยไปแล้วประมาณ 70 ล้านบาท
การอายัดทรัพย์สินครั้งนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อ ตัดเส้นทางการเงินของเครือข่ายสแกมเมอร์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่มีหลักฐานแน่ชัดว่าใช้ รีสอร์ทโอเสม็ดคาสิโน (O-Smach Resort) ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งกัมพูชาและอยู่ในเครือบริษัทของเขาเป็นฐานปฏิบัติการ การเคลื่อนไหวของ ปปง. ถูกมองว่าเป็นการส่งสัญญาณอันหนักแน่นถึงเครือข่ายอำนาจที่ผูกพันกับกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สร้างความเสียหายแก่ประชาชน
จุดเปลี่ยนที่ทำให้ทางการไทยต้องเร่งดำเนินการคือการประกาศคว่ำบาตรจากสหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2567 สหรัฐอเมริกาได้คว่ำบาตร "ออกญา ลี ยงพัด" และบริษัทในเครือ L.Y.P. Group ภายใต้ กฎหมาย Global Magnitsky Act ฐานข้อหาเกี่ยวข้องกับการ ค้ามนุษย์และบังคับใช้แรงงานในธุรกิจหลอกลวงออนไลน์
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ระบุว่า โอเสม็ดรีสอร์ท (O-Smach Resort) ซึ่งเป็นของ L.Y.P. Group ถูกใช้เป็นสถานที่ บังคับใช้แรงงาน ในการทำธุรกิจหลอกลวงออนไลน์ (คอลเซ็นเตอร์/สแกมเมอร์) รายงานยังเปิดเผยรายละเอียดอันน่าตกใจว่า ผู้เคราะห์ร้ายถูกหลอกมาทำงาน ถูกยึดหนังสือเดินทางและโทรศัพท์ ถูกทำร้ายร่างกายด้วยการ ช็อตไฟฟ้า และถูกบังคับจ่ายค่าไถ่ นอกจากนี้ยังมีรายงานผู้เคราะห์ร้าย 2 รายกระโดดลงจากอาคารจนเสียชีวิต สหรัฐฯ ระบุว่าองค์กรอาชญากรรมนี้เป็น องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
นายพัด สุภาภา เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2501 ที่จังหวัดเกาะกง ในครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีน แม้ไม่ได้สำเร็จการศึกษาระดับสูง แต่เขาก็ได้สร้างความมั่งคั่งมหาศาลจากการนำเข้า-ส่งออกบุหรี่ การผลิตไฟฟ้า และธุรกิจกาสิโนและรีสอร์ท จนได้รับฉายาว่า "ราชาแห่งเกาะกง"
เขาคือเจ้าของ บริษัท แอลวายพีกรุป (LYP Group) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ของกัมพูชา ครอบคลุมการเกษตร พลังงาน การท่องเที่ยว (เช่น เกาะกง รีสอร์ท และ โอเสม็ดรีสอร์ต)
ความสำเร็จทางธุรกิจของนายพัดผูกพันอย่างแยกไม่ออกกับอำนาจทางการเมืองของกัมพูชา เขาเป็นบุคคลที่มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับ สมเด็จฮุน เซน งานวิจัยระบุว่า ฮุน เซน มีบทบาทในการออกนโยบายอนุญาตให้เปิดบ่อนกาสิโน และนายพัด สุภาภา ถูกนิยามว่าเป็น "กระเป๋าเงิน" (Money Bag) ของฮุน เซน ความใกล้ชิดนี้เองทำให้เขาได้รับบรรดาศักดิ์ "ออกญา" ซึ่งเป็นเครื่องราชย์สูงสุดของกัมพูชา ปัจจุบันเขายังดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาและที่ปรึกษาส่วนตัวของฮุน เซนด้วย
ที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินการของไทยคือ นายพัด สุภาภา เป็น บุคคลสองสัญชาติ โดยมีชื่อไทยว่า พัด สุภาภา และมีบัตรประชาชนของประเทศไทย การมีสถานะพลเมืองคู่กัมพูชา-ไทยนี้เองที่ช่วยให้เขาสามารถสร้างเครือข่ายทางธุรกิจข้ามพรมแดนได้อย่างราบรื่น โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดน โดยบ่อนกาสิโนเกาะกง (ในเกาะกง รีสอร์ท) ของเขา ตั้งอยู่ห่างจากจุดผ่านแดนถาวรคลองใหญ่ จังหวัดตราด เพียง 800 เมตรเท่านั้น
คำสั่งถอนสัญชาติไทยของนายอนุทินจึงเป็นบทสรุปของการสืบสวนที่เชื่อมโยงผลประโยชน์ทางธุรกิจข้ามชาติขนาดใหญ่เข้ากับอาชญากรรมที่ร้ายแรงที่สุดอย่างการค้ามนุษย์และหลอกลวงไซเบอร์ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการขจัดผู้มีอิทธิพลที่ใช้สถานะความเป็นคนไทยเป็นเกราะกำบังในการก่ออาชญากรรมข้ามพรมแดน