KEY
POINTS
“ถือศีล กินผัก ละเว้นเนื้อสัตว์” สุขภาพดี ใจสงบ พร้อมพลังใหม่หลังเข้าพรรษา เทศกาลถือศีลกินเจในปี 2568 ตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจันทรคติจีน ซึ่งในปีนี้ตรงกับ วันที่ 21–29 ตุลาคม 2568 รวมระยะเวลา 9 วัน บางพื้นที่หรือผู้ถือศีลเข้มงวดอาจเริ่ม "ล้างท้อง" ตั้งแต่เย็นวันที่ 20 ตุลาคม ประเพณีนี้ยังคงเป็นช่วงเวลาสำคัญทางศาสนาและวัฒนธรรมของชุมชนไทยเชื้อสายจีนทั่วประเทศ
“การกินเจ” หมายถึงการละเว้นเนื้อสัตว์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์ เช่น นม ไข่ และน้ำมันที่ได้จากสัตว์ โดยหันมารับประทานพืชผัก ธัญพืช และอาหารที่ปรุงจากโปรตีนทดแทน เช่น เต้าหู้ โปรตีนเกษตร กลูเตน หรือเห็ด ซึ่งให้สารอาหารครบถ้วนไม่ต่างจากเนื้อสัตว์
นอกจากงดเนื้อสัตว์ ยังมีข้อปฏิบัติสำคัญคือ งด “ผักฉุน 5 ชนิด” ซึ่งเชื่อว่ามีกลิ่นแรง รบกวนสมาธิ และกระตุ้นอารมณ์โทสะ ได้แก่
อาหารเจจึงไม่เพียงแค่งดเนื้อสัตว์ แต่ยังเน้น “ความบริสุทธิ์” ของวัตถุดิบและจิตใจในระหว่างถือศีลด้วย
อาหารที่เป็นเจจริงจะมีสัญลักษณ์ตัวอักษรจีนสีแดงบนพื้นสีเหลือง อ่านว่า “齋” หรือในไทยนิยมเขียนเป็นตัว “เจ” แสดงว่าไม่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ นม ไข่ หรือผักฉุน ผู้บริโภคจึงควรสังเกตฉลากก่อนเลือกซื้อ โดยเฉพาะอาหารสำเร็จรูป ขนม และเครื่องดื่ม
ผู้ที่ตั้งใจจะกินเจควรเริ่มเตรียมตัวล่วงหน้าอย่างน้อย 1–2 วัน เพื่อให้ร่างกายค่อย ๆ ปรับตัว และลดภาระระบบย่อยอาหาร
หลายคนมักกังวลว่าอาหารเจจะขาดโปรตีน แต่ในความจริงสามารถรับโปรตีนจากถั่วเหลือง เต้าหู้ งา ถั่วลิสง และธัญพืชต่าง ๆ ได้ ขณะเดียวกันควรเลือกรับประทานผักผลไม้ให้ครบ 5 สี ลดของทอด และเครื่องปรุงรสจัด เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับไขมันและโซเดียมเกินจำเป็น
เทรนด์อาหารเจยุคใหม่ยังมีเมนูทางเลือกหลากหลาย ตั้งแต่ โปรตีนจากพืช (Plant-based meat) ไปจนถึงอาหารเจสไตล์ ฟิวชัน ที่ยังคงความอร่อยและเหมาะกับคนรุ่นใหม่ ผู้บริโภคจึงสามารถถือศีล โดยไม่รู้สึกจำเจ
แม้จุดประสงค์ของการกินเจคือการงดเนื้อสัตว์เพื่อความเมตตา แต่แก่นแท้ของเทศกาลนี้ยังสื่อถึงการ “ชำระใจ” ให้สงบ ละเว้นอบายมุข และทำจิตให้บริสุทธิ์ ผู้ร่วมเทศกาลมักแต่งกายด้วยชุดสีขาว เป็นสัญลักษณ์ของความสะอาด และร่วมทำบุญปล่อยสัตว์ บริจาคทาน หรือรักษาศีล 9 วัน เพื่อเสริมสิริมงคลแก่ชีวิต
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดการณ์ว่า เทศกาลกินเจปี 2568 คาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดรวม 45,903 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อนที่มีมูลค่า 45,003 ล้านบาท แม้การเติบโตจะเป็นไปอย่าง “ค่อยเป็นค่อยไป” เนื่องจากประชาชนยังระมัดระวังการใช้จ่าย เพราะมองว่าเศรษฐกิจโดยรวมยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ อีกทั้งปีนี้ยังไม่ได้รับแรงหนุนจากโครงการ “คนละครึ่ง” ซึ่งจะเริ่มใช้จ่ายในวันที่ 29 ตุลาคม 2568 หลังเทศกาลเจสิ้นสุดลงเพียงวันเดียว
ผลสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคช่วงเทศกาลกินเจจากกลุ่มตัวอย่าง 1,272 ตัวอย่างทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 6–12 ตุลาคม 2568 พบว่า 66% ของคนไทย “ไม่กินเจ” 34% กินเจ โดยเหตุผลหลักคือทำบุญ รองลงมาคือกินเฉพาะช่วงเทศกาล, มีอาหารเจฟรีจากโรงเจ และมองว่ามีคุณค่าทางอาหาร ในด้านราคาสินค้า ผู้บริโภค 73.9% มองว่าอาหารเจปีนี้ราคาแพงขึ้น
ขณะที่ 23.5% มองว่าเท่าเดิม และ 2.6% มองว่าราคาลดลง ด้านกิจกรรมในช่วงเทศกาล ผู้บริโภคที่กินเจ 7.1% วางแผนเดินทางไปทำบุญตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 5,066 บาทต่อคน และทำบุญเฉลี่ย 1,746 บาทต่อคน ขณะที่การใช้จ่ายซื้ออาหารเจพบว่า 52.8% ซื้อใน “ปริมาณเท่าเดิม” และ 47% ใช้งบประมาณเท่ากับปีก่อน สะท้อนว่าแม้เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวแรง แต่ผู้บริโภคยังคงให้ความสำคัญกับเทศกาลเจอย่างต่อเนื่อง