KEY
POINTS
วันที่ 14 ตุลาคม 2568 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 8/2568 โดยมี นายองอาจ วงษ์ประยูร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และคณะกรรมการเข้าร่วมประชุม
ภายหลังการประชุม ศ.ดร.นฤมล เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ ตัดโอนตำแหน่งและอัตราเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในตำแหน่ง “ครู” ที่เกินเกณฑ์จำนวน 1,706 อัตรา มาเป็นตำแหน่ง เจ้าพนักงานพัสดุปฏิบัติงาน/ชำนาญงาน และ เจ้าพนักงานการเงินและบัญชีปฏิบัติงาน/ชำนาญงาน ตามมาตรา 38 ค. (2) เพื่อจัดสรรให้กับสถานศึกษาที่ขาดแคลนบุคลากรธุรการและงานจัดซื้อจัดจ้าง
นโยบายดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแนวทาง “ลดภาระงานครู คืนเวลาสอนให้ครู” ที่กระทรวงศึกษาธิการกำลังผลักดันอย่างจริงจัง เพื่อให้ครูสามารถกลับไปทำหน้าที่หลักด้านการเรียนการสอนได้อย่างเต็มที่ โดยหลังจากนี้จะส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) พิจารณา เพื่อจัดสรรอัตรากำลังลงพื้นที่ตามความจำเป็นของแต่ละสถานศึกษา
นอกจากนี้ ที่ประชุม ก.ค.ศ. ยังเห็นชอบให้จัดสรรอัตราว่างจากการเกษียณอายุราชการประจำปีงบประมาณ 2568 จำนวน 9,830 อัตรา เพื่อใช้ในการบรรจุแต่งตั้งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในตำแหน่งที่จำเป็น
พร้อมอนุมัติ หลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดตำแหน่งสายงานวิชาการระดับเชี่ยวชาญ ได้แก่ นิติกร นักวิเคราะห์นโยบายและแผน นักทรัพยากรบุคคล และตำแหน่งสายอำนวยการระดับสูง ในหน่วยงานสังกัดกระทรวงศึกษาธิการทุกระดับ
โดยเฉพาะในส่วนของ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ที่จะมีการเปิดตำแหน่งเพื่อความก้าวหน้าแก่ ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษา ทั่วประเทศ รวมถึงบุคลากรสายสนับสนุนตามมาตรา 38 ค. (2) เพื่อสร้างแรงจูงใจและรักษาบุคลากรที่มีความสามารถให้อยู่ในระบบราชการต่อไป
ศ.ดร.นฤมล กล่าวย้ำว่า การบริหารอัตรากำลังครั้งนี้ จะดำเนินการภายใต้กรอบของ “ค่างาน-คุ้มค่า-เป็นธรรม” เพื่อให้ทุกตำแหน่งสอดคล้องกับภารกิจ และความต้องการของสถานศึกษาอย่างแท้จริง
“ครูต้องได้สอน บุคลากรต้องมีเส้นทางเติบโต และระบบต้องขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือแนวทางที่ ศธ. ตั้งใจจะเดินหน้าต่อเนื่อง” ศ.ดร.นฤมล กล่าว