KEY
POINTS
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยสถานการณ์น้ำในพื้นที่ กทม. ระหว่างการลงพื้นที่สถานีสูบน้ำพระโขนงซึ่งเป็นหัวใจหลักในการรับมือน้ำท่วม
โดยระบุว่า ภาพรวมสถานการณ์น้ำในพื้นที่ที่เคยประสบปัญหาหนักเริ่มดีขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่เขตประเวศ ซึ่งเป็นจุดที่เมื่อวานนี้ (4 ต.ค. 68) มีฝนตกหนักสูงสุด 122 มิลลิเมตร อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องมีการดูแลน้ำท่วมขังในซอยย่อยอย่างต่อเนื่อง
สำหรับสถานการณ์น้ำเหนือยังไม่น่าเป็นห่วงและไม่ถึงขั้นวิกฤต แม้ว่าปริมาณน้ำในเขื่อนหลักจะค่อนข้างสูง แต่การบริหารจัดการน้ำในปีนี้ดีกว่าปี 2554 อย่างมาก ปริมาณน้ำที่ปล่อยมายังต่ำกว่าปี 2554 ตอนนี้เขื่อนแควน้อยมีน้ำในเขื่อนเต็มแล้ว เขื่อนสิริกิติ์เกือบเต็ม เขื่อนภูมิพลก็น้ำเยอะ โดยปริมาณน้ำที่ปล่อยมาอยู่ที่ประมาณ 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ลบ.ม./วินาที) ยังอยู่ในปริมาณที่สามารถรับได้คือ 3,500 ลบ.ม./วินาที
ในส่วนของการระบายน้ำที่สถานีสูบน้ำพระโขนงขณะนี้สามารถคุมระดับน้ำไว้ที่ -1 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) แต่ปัญหาคือน้ำจากคลองประเวศไม่สามารถไหลมาได้ทัน เนื่องจากคลองประเวศมีความคดเคี้ยวมาก ทำให้ระดับน้ำด้านบนยังคงเอ่ออยู่ ซึ่งในอนาคตอาจจะต้องพิจารณาการทำอุโมงค์ระบายน้ำ อย่างไรก็ตาม หากอุโมงค์หนองบอนที่กำลังจะเปิดใช้ในปีหน้าแล้วเสร็จ จะช่วยเสริมการระบายน้ำได้ดีขึ้น
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ได้กล่าวถึงการทำประตูกั้นน้ำคลองย่อยซึ่งชาวบ้านไม่ให้ทำว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะประตูกั้นน้ำจะทำให้ประสิทธิภาพในการควบคุมน้ำดีขึ้น
“สถานการณ์ไม่น่าเป็นห่วง ทางสำนักการระบายน้ำก็ทำงานกันเต็มที่ ไม่มีวันหยุด เพราะว่าน้ำท่วมไม่มีวันหยุด ฉะนั้น เจ้าหน้าที่ก็ห้ามหยุด อีกนิดเดียวจะหมดฤดูฝนแล้ว และจะเข้าฤดูฝุ่นแทน ต่อไปต้องเตรียมรับมือฝุ่น ส่วนพื้นที่ไหนยังท่วมอยู่ให้แจ้งมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือ” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวทิ้งท้าย