สมาคมวิศวกรโครงสร้างไทย เปิด4สาเหตุแผ่นดินไหวเขย่าฟิลิปปินส์

01 ต.ค. 2568 | 11:11 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ต.ค. 2568 | 11:19 น.

สมาคมวิศวกรโครงสร้างไทย เปิด4สาเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.9 เขย่าฟิลิปปินส์ ทำอาคาร-โครงสร้างพื้นฐานได้รับความเสียหายมีผู้เสียชีวิต

KEY

POINTS

  • ฟิลิปปินส์ตั้งอยู่ในแนววงแหวนแห่งไฟ (Ring of Fire) ซึ่งเป็นบริเวณรอยต่อของแผ่นเปลือกโลกที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง
  • เป็นแผ่นดินไหวระดับตื้นและระยะใกล้ โดยมีจุดศูนย์กลางลึกเพียง 10 กิโลเมตร ทำให้เกิดความรุนแรงบนผิวดินมาก
  • อาคารที่เสียหายส่วนใหญ่เป็นอาคารเก่าที่ไม่เสริมเหล็ก หรืออาคารเตี้ยที่โครงสร้างชั้นล่างไม่แข็งแรง (Soft Storey)
  • แผ่นดินไหวเกิดในทะเล แต่ความรุนแรงไม่มากพอที่จะทำให้เกิดคลื่นสึนามิขนาดใหญ่ตามมา

 

จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 6.9 ที่จังหวัดเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา ทำให้อาคารและโครงสร้างพื้นฐานได้รับความเสียหายจำนวนมาก และมีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย ได้วิเคราะห์ถึงเหตุแผ่นดินไหวใน ฟิลิปปินส์ โดยแบ่งออกเป็น  4 ประเด็น

1. ประเทศฟิลิปปินส์ เป็นหมุ่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก ตั้งอยู่ในบริเวณวงแหวนไฟ (Ring of Fire) ซึ่งเป็นแนวมุดตัวระหว่างแผ่นโลกหลายแผ่น ได้แก่ แผ่นทะเลฟิลิปปินส์ แผ่นยูเรเซีย แผ่นอินโด-ออสเตรเลีย และแผ่นแปซิฟิก ซึ่งเป็นแนวที่มีการเกิดแผ่นดินไหวมากที่สุดแนวหนึ่งในโลก โดยมีประเทศ ญี่ปุ่น ไต้หวัน ก็อยู่ในแนววงแหวนไฟ เช่นกัน

2. เป็นแผ่นดินไหวระยะใกล้ และระดับตื้น โดยจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวเกิดขึ้นที่ระดับความลึกเพียง 10 กม. จึงส่งผลให้เกิดความรุนแรงที่ผิวดินมาก

3. โครงสร้างที่ได้รับความเสียหายและถล่ม มักเป็นอาคารเก่าทำจากอิฐหรือหินที่ไม่เสริมเหล็กหรือเสริมเหล็กน้อย และอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กเตี้ยๆสูง 2-3 ชั้นมีความเสียหายที่ชั้นล่าง บางหลังพบว่าเสาชั้นล่างหักกลายเป็นชั้นอ่อน (Soft Storey)

 ศ.ดร.อมร พิมานมาศ

4. แผ่นดินไหวเกิดขึ้นในทะเล แต่ไม่พบคลื่นสึนามิที่รุนแรง เนื่องจากความแรงของแผ่นดินไหวยังไม่มากพอที่จะทำให้เกิดสึนามิที่รุนแรงได้

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นฟิลิปปินส์ มีความแตกต่างจากแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นใน กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 เป็นอย่างมาก เนื่องจาก แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ เป็นแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นบนบก เป็นแผ่นดินไหวระยะไกล และส่งผลกระทบกับอาคารสูงในชั้นดินอ่อนของกรุงเทพฯ เป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม สำหรับประเทศไทย มีรอยเลื่อนมีพลัง 16 กลุ่มรอยเลื่อน กระจายในภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคใต้เป็นหลัก จึงควรต้องเฝ้าระวังความเสี่ยงภัยแผ่นดินไหวโดยการทำให้อาคารแข็งแรง ทั้งอาคารเก่าและอาคารใหม่ เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีเทคโนโลยีที่แจ้งเตือนการเกิดแผ่นดินไหวล่วงหน้าได้