นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา นายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป (TFPA) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดี “แพทองธาร ชินวัตร” ให้ยุติการเป็นนายกรัฐมนตรีและให้พ้นจากตำแหน่ง หลังจากนี้ต้องรอดูสถานการณ์พรรคเพื่อไทยว่าจะเป็นอย่างไร
เพราะอาจเหลือตัวเลือกผู้ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไปเพียงคนเดียว ในขณะที่พรรคอื่นๆ ก็มีข่าวผู้ท้าชิงเช่นกัน เช่น หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งจะเป็นความตื่นเต้นทางการเมืองอีกครั้ง และต้องรอดูว่าใครจะสามารถดึงเสียงจากพรรคร่วมรัฐบาลไปได้
“ตอนนี้สถานการณ์ทั้งหมด ยังคงอยู่ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญและกติกาประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ไม่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศหรือการเจรจาต่างประเทศ แต่หวั่นอุปสรรคใหญ่ที่สุดที่ประเทศไทยต้องเผชิญคือ การยุบสภา”
นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า กากเกิดการยุบสภาจะต้องฟอร์มทีมรัฐบาลใหม่ อาจใช้เวลาอย่างน้อย 3-4 เดือน ซึ่งน่าจะนานกว่า 45 วัน ช่วงเวลาดังกล่าวจะไปอยู่ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2568 พอดี ซึ่งเป็นช่วงที่ควรเร่งเรื่องการใช้งบประมาณ การกระตุ้นเศรษฐกิจ และการทำตลาดช่วงเทศกาลปลายปี
ทั้งนี้ อาจทำให้ เกิดผลเสียต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทย ซึ่งตอนนี้ตัวเลขการเติบโตต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับทถกประเทศในภูมิภาคเดียวกัน โดยเรื่องเศรษฐกิจถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในตอนนี้ เพราะตัวเลขการเติบโตของเราช้ากว่าประเทศอื่นๆ อย่างมาก
ด้าน นายนาคาญ์ ทวิชาวัฒน์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และประธานคลัสเตอร์สุขภาพและความงาม กล่าวว่า ช่วงนี้หากได้นายกรัฐมนตรีืคนใหม่ อยากได้คนการทำงานที่ต่อเนื่อง โดยทิศทางการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญอาจไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย และคาดว่าหลายฝ่ายคงเตรียมพร้อมไว้แล้ว ต้องจับตาดูนโยบายหลังจากนี้ว่าจะเป็นอย่างไร
โดยสิ่งที่อยากให้รัฐบาลรีบทำมากที่สุดคือการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน การวิจัยพัฒนา ใช้จุดแข็งของไทยให้เป็นระบบและเป็นประโยชน์ เช่น ด้านการแพทย์ การท่องเที่ยวโดยดึงศักยภาพของทุกฝ่ายมาสร้างเงินมากกว่านโยบายแจกเงินกระตุ้น