กรุงเทพมหานคร เตรียมบังคับใช้ข้อบัญญัติว่าด้วยการควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ. 2567 อย่างเป็นทางการในวันที่ 10 มกราคม 2569 โดยกำหนดให้เจ้าของสุนัขและแมวในพื้นที่กรุงเทพฯ ต้องนำสัตว์เลี้ยงขึ้นทะเบียนและฝังไมโครชิป เพื่อสร้างฐานข้อมูลกลางสำหรับการติดตามและดูแลกรณีสัตว์พลัดหลง รวมถึงป้องกันปัญหาการทอดทิ้งจนกลายเป็นสัตว์จรจัด
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระบุว่า เจตนารมณ์ของข้อบัญญัติคือการยกระดับคุณภาพชีวิตสัตว์เลี้ยง และคุ้มครองสุขอนามัยประชาชนโดยรวม โดยนอกจากการขึ้นทะเบียนแล้ว ยังมีการควบคุมจำนวนสัตว์เลี้ยงให้สอดคล้องกับพื้นที่อยู่อาศัย เช่น ห้องเช่าหรือคอนโดขนาด 20–80 ตารางเมตร เลี้ยงได้ 1 ตัว ส่วนที่ดินเกิน 100 ตารางวา เลี้ยงได้สูงสุด 6 ตัว
สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์เกินจำนวนก่อนข้อบัญญัติมีผล สามารถเลี้ยงต่อได้จนสิ้นอายุขัย แต่ต้องแจ้งสำนักงานเขตภายใน 90 วัน และห้ามขยายพันธุ์เพิ่ม ส่วนกิจการที่เกี่ยวข้อง เช่น ฟาร์ม คาเฟ่สัตว์ หรือร้านขายสัตว์ จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านสาธารณสุขที่เข้มงวด
นางสาวทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า กทม.พร้อมให้บริการฝังไมโครชิปฟรีที่คลินิกสัตวแพทย์ 8 แห่งทั่วกรุงเทพฯ และหน่วยสัตวแพทย์เคลื่อนที่ 50 เขต ขณะที่สถานพยาบาลสัตว์เอกชนก็เปิดให้บริการเช่นกัน แต่เจ้าของอาจมีค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ ผู้ครอบครองต้องนำเอกสารสำคัญ เช่น บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน และใบรับรองวัคซีน ไปยื่นประกอบการขึ้นทะเบียน
ข้อบัญญัติกำหนดให้เจ้าของนำสัตว์เลี้ยงไปจดทะเบียนและฝังไมโครชิปภายใน 120 วันนับจากวันเกิด หรือภายใน 30 วันนับจากวันที่นำมาเลี้ยงในกรุงเทพฯ โดยไมโครชิปจะอยู่กับสัตว์ไปตลอดชีวิต ช่วยระบุตัวตน ป้องกันการสูญหาย และลดปัญหาการทอดทิ้ง
ส่วนสัตว์ประเภทอื่น เช่น สัตว์น้ำ สัตว์เลื้อยคลาน หรือสัตว์ดุร้าย ไม่ต้องขึ้นทะเบียน แต่เจ้าของต้องควบคุมการเลี้ยงอย่างเคร่งครัด ห้ามปล่อยในที่สาธารณะ หากฝ่าฝืนหรือเลี้ยงเพื่อการค้าโดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายสาธารณสุข อาจถูกปรับสูงสุด 25,000 บาท
มาตรการใหม่นี้ถูกจับตาว่าจะช่วยจัดระเบียบการเลี้ยงสัตว์ในเมืองใหญ่ ลดปัญหาสัตว์จรจัด และสร้างสมดุลระหว่างคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงกับความปลอดภัยด้านสาธารณสุขของคนกรุงเทพฯ ได้อย่างเป็นรูปธรรม
พื้นที่และจำนวน “หมา-แมว” ที่กำหนด
คลินิกสัตวแพทย์ กทม. ที่ให้บริการยื่นคำขอจดทะเบียนและฉีดฝังไมโครชิปฟรี