สถานการณ์การสู้รบแนวชายแดนไทย-กัมพูชายังคงตึงเครียดและแม้ว่าจะมีคำสั่งหยุดยิงแต่ในทางปฎิบัติไม่สามารถไว้วางใจได้ หลายพื้นที่สำคัญฝั่งไทยสามารถยึดได้แต่มีบางพื้นที่ที่กัมพูชารุกล้ำต้องยึดคืนมาให้ได้ โดยเฉพาะปราสาทตาควายซึ่งเป็นของไทย
พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่2 ระบุว่า สำหรับปราสาทตาควาย มีฐานทหารกัมพูชาอยู่ใกล้มาก และวางกำลังหน้าแนว ซึ่งเป็นปราสาทเดียว ที่ทหารไทยตรึงกำลังอยู่ และยังเข้าไม่ได้ ที่ผ่านมาทหารได้ทดลองปฏิบัติไป 4 ครั้ง ยังเข้าไม่ได้ ยอมรับว่าทหารกัมพูชาวางกำลังเข้มแข็ง
ประกอบกับมีการวางทุ่นระเบิดโดยรอบอย่างหนาแน่น โดยในปฏิบัติการ 4 วันที่ผ่านมา ใน 11 ที่หมาย ตอนนี้ทหารไทยอยู่ห่างจากปราสาทตาควายประมาณ 30 เมตร ฐานทหารกัมพูชาอยู่ติดกับปราสาทตาควาย ซึ่งได้เปรียบ แต่ตนยืนยันว่าปราสาทตาควายเป็นของเรา เราต้องเอากลับมาให้ได้
ส่วนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กรณีการความสูญเสียทหารกัมพูชาจากเหตุปะทะทหารไทยระหว่างวันที่24-28 ก.ค.ว่า ความสูญเสียของทหารฝ่ายกัมพูชา น่าจะราวๆ 3,000 คน เพราะใช้กำลังจำนวนมากในปฏิบัติการ ซึ่งตนรู้สึกเห็นใจ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะทหารกัมพูชาก็ทำตามคำสั่งผู้นำของเขา
มทภ.2 กล่าวว่า ภาพรวมสถานการณ์กำลังพล ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา น้องๆกำลังใจดี คนที่บาดเจ็บ พอหายเจ็บ ก็ขอกลับไปอยู่หน้าแนวอีก ส่วนตนนั้น อายุราชการเหลือ 51 วัน ขอทำหน้าที่แม่ทัพภาคที่2ให้ดีที่สุด หลังจากนั้น ยังไม่ได้คิด และมั่นใจในน้องๆ
“ตอนนี้กังวลการบินโดรน มีการขึ้นบินจำนวนมาก ทั้งบริเวณที่ตั้งฝ่ายเรา สนามบิน คลังอาวุธ คลังระเบิด บ้านพักทหาร โรงพยาบาล ผมได้ประสาน 20 จังหวัด หาแอนตี้โดรน หาตัวคนบินโดรน ถ้าได้ตัวแล้วขอให้ตำรวจสอบสวนไปให้สุด อย่าเพิ่ง สรุปว่ามีอาการทางจิต”