นางสาวธัญญศรัณ แสงทอง ผู้อำนวยการบริหารสมาคมการค้ายาสูบไทย เปิดเผยว่า สมาคมการค้ายาสูบไทยพร้อมด้วยภาคีเครือข่ายยาสูบไทย ได้ลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์บุหรี่ผิดกฎหมายในจังหวัดสงขลา หลังพบว่ามีการทะลักของบุหรี่เถื่อนอย่างรุนแรงเป็นอันดับสองของประเทศ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ค้าบุหรี่ถูกกฎหมายในจังหวัดกว่า 4,000 ราย ทำให้รายได้ภาษีท้องถิ่นดิ่งฮวบ
“จังหวัดสงขลา ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของบุหรี่เถื่อนในประเทศไทย ครองแชมป์จังหวัดที่มีสัดส่วนการบริโภคบุหรี่เถื่อนสูงสุดมาหลายสิบปีติดต่อกัน มีสัดส่วนการบริโภคบุหรี่ผิดกฎหมายยังสูงกว่า 90.8% และถือเป็นจังหวัดต้นทางของบุหรี่เถื่อนที่ส่งพัสดุกระจายไปยังจังหวัดต่าง ๆ
ทำให้โชห่วยที่ขายบุหรี่อย่างถูกกฎหมายในจังหวัดประมาณ 4,000 รายได้รับผลกระทบ ขายบุหรี่และสินค้าอื่น ๆ ในร้านได้น้อยลง รายได้ก็หดหาย จนโชห่วยหลายรายตัดสินใจไม่ต่อใบอนุญาตขายยาสูบ จำนวนร้านค้าในสงขลาลดลงจากปีก่อนหน้ากว่า 200 ราย”
ส่วนร้านบุหรี่เถื่อนกลับเพิ่มจำนวนมากขึ้น โดนจับสั่งปิด ก็กลับมาเปิดใหม่ได้อีก บางร้านก็ทราบล่วงหน้าว่าจะมีเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่จับกุม แล้วปิดร้านหนีได้ก่อน จนคนในพื้นที่ต่างก็สงสัยว่าร้านค้าบุหรี่เถื่อนมีความเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลหรือไม่
ทั้งนี้พบว่า ร้านค้าส่งเคยขายบุหรี่ได้สัปดาห์ละ 5 ลัง ก็ลดลงเหลือเพียง 3 ลังเท่านั้น ส่วนร้านค้าปลีกขายสู้ร้านบุหรี่เถื่อนไม่ได้แล้ว เพราะร้านเถื่อนกระจายตัวอยู่ทุกหัวมุมถนน แถมยังขายคู่น้ำกระท่อมด้วย อันตรายมาก กฎหมายการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบที่ห้ามการขายบุหรี่ออนไลน์ ทำอะไรบุหรี่เถื่อนไม่ได้เลย
เพราะบุหรี่เถื่อนทั้งขายออนไลน์โดยเฉพาะ Facebook ที่มีมากกว่า 3,000 เพจที่เราเจอ บางกลุ่มมีสมาชิกเป็น 10,000 คน จัดโปร ไม่กำหนดอายุผู้ซื้อ และผู้ขาย ซึ่งอันนี้อันตรายมากต่อเด็กและเยาวชน”
ปัจจุบันภาคใต้ยังคงเป็นพื้นที่หลักที่เผชิญปัญหาบุหรี่ผิดกฎหมายอย่างหนักหน่วง โดยพบว่ากว่า 60% ของบุหรี่ผิดกฎหมายทั่วประเทศกระจุกตัวอยู่ใน 6 จังหวัดหลัก ได้แก่ สตูล (94%) สงขลา (90%) พัทลุง (82%) ภูเก็ต (73%) นครศรีธรรมราช (61%) และระนอง (58%) ตัวเลขเหล่านี้ตอกย้ำความชุกชุมของบุหรี่ผิดกฎหมายในพื้นที่อย่างชัดเจน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดสงขลาซึ่งมีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้กลายเป็นเส้นทางลักลอบนำเข้าบุหรี่เถื่อนสายสำคัญทั้งทางบก และทางทะเล ซึ่งนับเป็นการสูญเสียรายได้ภาษีท้องถิ่นจากยาสูบของจังหวัดสงขลาอย่างมหาศาล
สำหรับ สถิติการจัดเก็บภาษีบำรุงองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาจากยาสูบ พบว่า ปี 2554 สงขลาสามารถจัดเก็บภาษีได้ 80 ล้านบาท แต่ปี 2567 กลับจัดเก็บได้เพียง 7 ล้านบาท ลดลงไปกว่า 73 ล้านบาท รายได้จำนวนมหาศาลนี้ควรถูกนำไปใช้พัฒนาท้องถิ่น แต่กลับต้องสูญเสียไปเพราะปัญหาบุหรี่เถื่อน
หากพิจารณาภาพรวมทั้งประเทศจากสัดส่วนบุหรี่เถื่อนที่พุ่งสูงถึง 28.1% คาดการณ์ได้ว่ารัฐบาลกำลังสูญเสียรายได้ภาษีต่อปีไปมากถึง 2.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเม็ดเงินที่สามารถนำไปใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนได้มหาศาล
“สถานการณ์บุหรี่ผิดกฎหมายหรือบุหรี่เถื่อนในประเทศไทยกำลังอยู่ในภาวะวิกฤติอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ตัวเลขอัตราการบริโภคที่พุ่งสูงถึง 28.1% จากการสำรวจครั้งก่อนที่ 25.4% สร้างความน่ากังวลอย่างยิ่ง เนื่องจากเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนถึง 2.7% ในระยะเวลาอันสั้น และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากภาครัฐยังไม่เร่งยกระดับการปราบปรามบุหรี่เถื่อนให้เข้าถึงต้นตอและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ปัญหานี้อาจทวีความรุนแรงจนยากเกินควบคุม”
ด้าน นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา กล่าวว่า การบังคับใช้กฎหมายที่ยังไม่จริงจังจากหน่วยงานที่รับผิดชอบคือหัวใจสำคัญของปัญหานี้ "นี่คือปัญหาใหญ่ของบ้านเมือง ที่เราต้องเร่งแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่สุด" พร้อมเผยว่าได้ออกหนังสือเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าประชุมหารือ เพื่อร่วมกันวางมาตรการเชิงรุก และหาแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม หวังนำความสงบเรียบร้อยและรายได้คืนสู่จังหวัด ก่อนที่บุหรี่เถื่อนจะฝังรากลึกจนยากเกินแก้ไข
"บุหรี่เถื่อนไม่เพียงแต่ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังกัดกร่อนสังคมและสุขภาพของคนในพื้นที่อย่างรุนแรง รายได้มหาศาลที่ต้องสูญเสียไปเพราะสินค้าผิดกฎหมายเหล่านี้ ทำให้เม็ดเงินที่ควรนำไปพัฒนาชุมชนต้องหดหายไปอย่างน่าเสียดาย นี่คือปัญหาที่เราต้องเอาจริง โดยจะนำระเบียบและข้อกฎหมายทุกฉบับมาบังคับใช้อย่างเคร่งครัด เพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของบุหรี่เถื่อนและนำรายได้คืนสู่การพัฒนาท้องถิ่นอย่างแท้จริง”