KEY
POINTS
วันที่ 30 ก.ค.เวลา 09.30 น. นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดกิจกรรมปล่อยคาราวาน “สพฐ. และ ศธ. ร่วมใจช่วยเหลือผู้ประสบภัยชายแดนไทย-กัมพูชา และอุทกภัยพื้นที่ภาคเหนือ โดยการปล่อยขบวนคาราวานสิ่งของอุปโภคบริโภค เครื่องใช้จำเป็น และเวชภัณฑ์เพื่อส่งไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา และพื้นที่ภาคเหนือที่กำลังเผชิญภัยพิบัติทางธรรมชาติ
นางนฤมล กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และทุก ๆ ภาคส่วนในการร่วมมือร่วมใจกันจัดกิจกรรมช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ในส่วนของโรงเรียนทั้งทางภาคเหนือจากเหตุอุทกภัย และภาคอีสานจากเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ ได้พบว่า ไม่ใช่เฉพาะนักเรียนผู้ปกครองเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่ครูและบุคลากรทางการศึกษา เจ้าหน้าที่ ข้าราชการ ต่างก็เป็นผู้ประสบภัยด้วย จึงขอฝาก สพฐ.ดูแลพวกเขาด้วย
ทั้งนี้ จะไม่ใช่การดูแลเฉพาะของสิ่งของ หรือเงินที่ได้รับบริจาคมาเท่านั้น แต่ขอฝากให้ดูแลสภาพจิตใจของทุก ๆ ท่านด้วย เพราะแม้กระทั่งพวกเราที่อยู่ใน กทม.เอง ก็เชื่อว่าสภาพจิตใจก็ไม่สู้ดีนัก ตัวอาจารย์ก็นอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว เพราะมีความกังวล ต้องคอยติดตามสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา ซึ่งวันนี้ก็ยังไม่ยุติ
“เราก็อยากให้สงบเสียที นักเรียนและคุณครูของพวกเรา จะได้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ ทั้งนี้ ขอส่งกำลังใจให้กับทุกท่าน ขอให้ดูแลซึ่งกันและกันในสถานการณ์ที่มีความตึงเครียดเช่นนี้ และเชื่อว่า เราจะผ่านเหตุการณ์ร้าย ๆ ตรงนี้ไปด้วยกันได้”
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงศูนย์พักพิงในพื้นที่ จ.สุรินทร์ ว่า กระทรวงศึกษาฯ ได้ประสานความร่วมมือจากกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการต่างประเทศ และบุคลากรจิตวิทยาจาก สพฐ. เพื่อดูแลผู้ประสบภัย ครูและบุคลากรในศูนย์พักพิง ซึ่งไม่ได้มีการเรียนการสอนเป็นทางการ แต่ครูก็ยังได้เสียสละช่วยเหลือดูแลเด็กนักเรียน และจัดกิจกรรมให้ ซึ่งเราก็ได้ประสานขอการสนับสนุนอุปกรณ์กีฬา ลงไปในพื้นที่เพื่อนำไปใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ แล้ว
ในส่วนการสอบบรรจุแต่งตั้งเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือครูช่วย สังกัด สพฐ. กรณีทั่วไป ระหว่างวันที่ 16-17 ส.ค.นี้นั้น นางนฤมล กล่าวว่า ได้มีการหารือกับทาง สพฐ.แล้ว ซึ่งได้ข้อสรุปว่า ให้ย้ายสถานที่สอบสำหรับ 2 เขตพื้นที่ในจังหวัดสุรินทร์ และ บุรีรัมย์ ซึ่งอยู่ใกล้ชายแดนและมีความเสี่ยง ไปยังอำเภอเมืองสุรินทร์ และ อำเภอกระสัง ซึ่งเป็นพื้นที่ปลอดภัยแทน โดยไม่มีการเลื่อนวันสอบ ได้ประสานงานกับฝ่ายความมั่นคง เพื่อให้การสอบดำเนินไปพร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อไม่ให้กระทบต่อการเรียนการสอนของเด็ก