วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานและขั้นตอนการจัดเช่าใช้อุปกรณ์การเรียนการสอน ภายใต้โครงการ “ส่งเสริมการเรียนรู้ขั้นพื้นฐาน ทุกที่ ทุกเวลา (Anywhere Anytime)” ณ ห้องประชุมใกล้รุ่ง โรงเรียนราชวินิต กรุงเทพมหานคร
โดยมี ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) พร้อมผู้บริหารจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ 118 เขต รวมถึงผู้บริหารระดับสูงจาก สพฐ. เข้าร่วม เพื่อรับฟังแนวทางการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างที่ถูกต้องตามกฎหมาย และตอบสนองต่อเป้าหมายหลักของโครงการ คือ ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เสริมศักยภาพครู และยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ของนักเรียนทั่วประเทศ
รมว.ศธ. กล่าวว่า โครงการนี้จะช่วยให้เด็กเข้าถึงอุปกรณ์และเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ได้มากขึ้นอย่างทั่วถึง เป็นหนึ่งในความพยายามลดช่องว่างด้านโอกาส ไม่เพียงในแง่ภูมิศาสตร์ แต่รวมถึงการเข้าถึงทรัพยากรด้านดิจิทัลด้วย ทั้งนี้ ได้รับข้อเสนอแนะจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะในเรื่องความโปร่งใส ซึ่งตนได้เน้นย้ำให้ทุกเขตพื้นที่ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการอย่างเคร่งครัด
จุดเด่นของโครงการในปีนี้ คือ การปรับรูปแบบการดำเนินงาน โดยกระจายอำนาจการจัดซื้อจัดจ้างให้กับเขตพื้นที่ 118 เขต แทนการดำเนินการจากส่วนกลางเพียงลำพัง ช่วยให้สามารถบริหารจัดการ ตรวจรับ ซ่อมบำรุง และควบคุมอุปกรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพภายในพื้นที่ตลอดระยะเวลาเช่าใช้งาน 5 ปี
นอกจากนี้ รมว.ศธ. ยังแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ความไม่สงบที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของนักเรียนในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ แม้เหตุการณ์จะไม่ได้เกิดขึ้นในโรงเรียนโดยตรง แต่กระทรวงศึกษาธิการได้กำชับให้โรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงปิดเรียนทันที พร้อมส่งแผนเผชิญเหตุและประสานความร่วมมือกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยหากจำเป็น จะใช้โรงเรียนที่ปลอดภัยเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวให้กับประชาชน
ด้าน ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา กล่าวว่า โครงการ Anywhere Anytime จะดำเนินการต่อเนื่องตั้งแต่ปีงบประมาณ 2568–2574 รวมมูลค่างบประมาณทั้งโครงการกว่า 14,647 ล้านบาท โดยในปีงบประมาณ 2568 ได้รับการจัดสรรงบเช่าใช้อุปกรณ์สำหรับ 5 เดือนแรก รวม 1,220 ล้านบาท สำหรับโรงเรียนมัธยม โรงเรียนคุณภาพ และโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาจำนวน 1,018 แห่งทั่วประเทศ
การดำเนินการในแต่ละพื้นที่จะต้องสอดคล้องกับ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ พ.ศ. 2560 และระเบียบกระทรวงการคลังอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อครู นักเรียน และระบบการศึกษาไทยในภาพรวม