แผน 5 ปี ‘แกรนด์สปอร์ต’ ผงาดอาเซียน

21 มิ.ย. 2559 | 13:00 น.
เปิดโรดแมป "แกรนด์สปอร์ต" 5 ปีก้าวสู่แบรนด์อาเซียน หลังกระแสกีฬาไทยแรงสุดขั้ว แฟนคลับขยายลามถึงเพื่อนบ้าน ปลุกทีมชาติ- สโมสรทั้งในและต่างประเทศหันออร์เดอร์ เผยกลยุทธ์เด็ดเร่งพัฒนาคอลเลกชันพรีเมียมวางขาย หวังปั้มเงินและหนีสินค้าก๊อบปี้ หลังชิมลางส่งเสื้อฟุตบอลฉลองครบรอบ 100 ปีออกวางขายราคา 1,390 บาทหมดเกลี้ยงใน 10 นาที ล่าสุดเตรียมขายรอบ 2 กันยายนนี้ มั่นใจสิ้นปีผลประกอบการโต 20% จากปีก่อนที่มีรายได้เกือบ 1,000 ล้านบาท

[caption id="attachment_63729" align="aligncenter" width="700"] โรดแมป แกรนด์สปอร์ต สู่แบรนด์อาเซียน โรดแมป แกรนด์สปอร์ต สู่แบรนด์อาเซียน[/caption]

นายธิติ พฤกษ์ชะอุ่ม กรรมการผู้จัดการ บริษัท แกรนด์สปอร์ต กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชุดกีฬาภายใต้แบรนด์ "แกรนด์สปอร์ต" เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะก้าวสู่การเป็นแบรนด์อาเซียนภายใน 5 ปีนับจากนี้ โดยบริษัทจะเดินหน้ารุกทำตลาดอย่างจริงจัง หลังจากที่พบว่า กีฬาไทยทั้งฟุตบอล และวอลเล่ย์บอล เป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้มีแฟนคลับและผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดความคุ้นเคยกับสินค้าไทย โดยเฉพาะแกรนด์สปอร์ตซึ่งเป็นผู้สนับสนุนชุดกีฬาให้กับกีฬากว่า 10 ประเภทในเมืองไทย

ชูกลยุทธ์ราคาท้าชนแบรนด์ดัง

โดยพบว่า ทั้งในอดีตและปัจจุบันกีฬาต่าง ๆ ทั้งทีมชาติและทีมสโมสรในหลายชนิดกีฬาของหลายประเทศ ล้วนใช้ชุดกีฬาของแกรนด์สปอร์ต อาทิ สปป.ลาว เวียดนาม การ์ตา บาห์เรน เป็นต้น ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่า หากมีการพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพ มีดีไซน์ และแพตเทิร์นที่ดี พร้อมกับการสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่อง จะทำให้แกรนด์สปอร์ตเป็นที่รู้จักมากขึ้น

"ในอาเซียนยังไม่มีแบรนด์ชุดกีฬาที่แข็งแรง มีผู้เล่นน้อยราย ทำให้บริษัทมองเห็นเป็นโอกาสของแกรนด์สปอร์ตในการพัฒนาและสร้างแบรนด์ ให้เป็นก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์ของอาเซียน เพราะทุกวันนี้เองแกรนด์สปอร์ตเริ่มเป็นที่รู้จักและคุ้นเคยของนักกีฬา และผู้ชมอย่างกว้างขวาง จากความนิยมในหลายชนิดกีฬาโดยเฉพาะฟุตบอลและวอลเล่ย์บอล ซึ่งนักกีฬาหลายคนกลายเป็นไอดอลของต่างชาติ มีแฟนคลับ มีผู้ติดตาม ที่ชื่นชอบ และต้องการที่จะมีชื่อเสียงเช่นกัน"

อย่างไรก็ดีการก้าวสู่สนามแข่งขันในอาเซียน แม้จะไม่มีคู่แข่งที่เป็นโลคัลแบรนด์ที่แข็งแกร่ง แต่แกรนด์สปอร์ตต้องเผชิญกับแบรนด์ดังระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นไนกี้ อาดิดาส หรืออัมโบร ฯลฯ ซึ่งนายธิติ กล่าวว่า จุดเด่นของแกรนด์สปอร์ตคือเรื่องของราคา มีตั้งแต่ระดับ 300-400 บาทสำหรับชุดกีฬาทั่วไปและชุดกองเชียร์ , 600-700 บาท สำหรับกีฬาสโมสร และ 900-1,000 บาทขึ้นไป สำหรับชุดกีฬาคอลเลกชันพิเศษ ซึ่งความหลากหลายนี้เอง ทำให้สามารถเจาะเข้าถึงกลุ่มคนได้ทุกระดับ แตกต่างกับชุดกีฬาจากแบรนด์ชั้นนำที่มีราคาสูงตั้งแต่ 2,000 บาทขึ้นไป

เร่งหาพันธมิตร/ตัวแทนขาย

ด้านกลยุทธ์การทำตลาด บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพ ดีไซน์ และแพตเทิร์นที่ดี ด้วยเทคโนโลยีและวัตถุดิบ ซึ่งจะทำให้สามารถตั้งราคาสินค้าให้สูงขึ้นได้ โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทพัฒนาและทดลองตลาดอย่างต่อเนื่อง พบว่ากระแสตอบรับดี และผู้บริโภคให้การยอมรับมากขึ้น

ทั้งนี้การปรับราคาสินค้าให้สูงขึ้น จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแกรนด์สปอร์ต ทำให้บริษัทสามารถพัฒนา และส่งคอลเลกชันระดับพรีเมียมออกทำตลาดได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต นอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาสินค้าลอกเลียนแบบ หรือสินค้าก็อปปี้ ที่พบว่าในตลาดต่างจังหวัดและตามรอยต่อประเทศเพื่อนบ้าน มีวางจำหน่ายชุดกีฬาก็อปปี้แกรนด์สปอร์ตอย่างแพร่หลาย ในราคาถูกตัวละ 150 -200 บาท ซึ่งการตั้งราคาแพงจะทำให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่น และกล้าตัดสินใจซื้อมากขึ้น

อีกกลยุทธ์คือ ช่องทางการจำหน่าย ซึ่งปัจจุบันแกรนด์สปอร์ตมีตัวแทนจำหน่าย ทั้งที่แต่งตั้งอย่างเป็นทางการ และร้านค้าที่นำเข้าไปจำหน่ายเองในหลายประเทศ ทั้งสปป.ลาว เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ มัลดีลฟ์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เป็นต้น ในอนาคตบริษัทจะเพิ่มตัวแทนจำหน่ายให้มากขึ้น พร้อมกับส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการสร้างแบรนด์ เพื่อให้สินค้ากระจายอย่างทั่วถึง โดยขณะนี้บริษัทเริ่มสร้างคอนเนกชัน เพื่อหาพันธมิตรที่เข้าใจในธุรกิจ และการดำเนินงานไปในทิศทางเดียวกัน

มั่นใจดันยอดขายโต 20-30%

นอกจากนี้บริษัทยังต้องสนับสนุนการจัดอีเวนต์ด้านกีฬา เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อสินค้า ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า เมื่อมีการแข่งขันหรืออีเวนต์ด้านกีฬา ผู้บริโภคจะให้ความสนใจในการเลือกซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก รวมถึงการจัดไดเร็กต์โปรโมชัน ทั้งการลด แลก แจก แถม ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่กระตุ้นยอดขายได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ดี ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตชุดกีฬาเต็ม 100% เมื่อมีการขยายตลาดมากขึ้น จึงต้องเพิ่มกำลังการผลิต โดยเบื้องต้นบริษัทมีแผนขยายไลน์การผลิตเพิ่ม รวมทั้งจ้างโรงงานอื่นที่มีมาตรฐานสูงผลิตให้ ทั้งนี้การรุกตลาดอย่างต่อเนื่องทำให้บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 20-30% ต่อปี

"อุปสรรคสำคัญในการทำตลาดต่างประเทศ คือเรื่องของคอนเนกชัน ซึ่งแกรนด์สปอร์ตไม่มี และต้องเริ่มต้นสร้างอย่างจริงจัง เพราะการที่คนไม่รู้จักแบรนด์ จะทำให้ต้องใช้เงินลงทุนสูง นอกจากนี้ยังรวมถึงค่าขนส่ง ภาษาในการสื่อสาร เป็นต้น อย่างไรก็ดีเป้าหมายของบริษัทในการรุกตลาดอาเซียน ถือเป็นการเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยต้องดูถึงความพร้อมของบริษัท ขณะที่การก้าวสู่แบรนด์เอเชีย จะต้องเผชิญกับคู่แข่งสำคัญ ทั้งแบรนด์จากญี่ปุ่น เกาหลี และจีน ซึ่งล้วนเป็นแบรนด์ที่แข็งแรง โอกาสย่อมน้อยกว่า"

ลีกกีฬาแรงดันยอดขายบูม

นายธิติ กล่าวอีกว่า สำหรับการทำตลาดในประเทศ บริษัทยังมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งในระดับพรีเมียม และระดับแมส (มวลชน) เพื่อรองรับลูกค้าทุกกลุ่ม โดยปัจจุบันแกรนด์สปอร์ตเป็นผู้สนับสนุนชุดกีฬาให้กับทีมชาติและสโมสรกีฬาเกือบทุกประเภท โดยเฉพาะฟุตบอล วอลเล่ย์บอล บาสเก็ตบอล อาทิ สโมสรเอสซีจีเมืองทอง ยูไนเต็ด สวาทแคท โคราช โอสถสภาเอ็ม 150 ท่าเรือ เอฟซี เป็นต้น ซึ่งกระแสนิยมในการแข่งขันลีกกีฬาต่าง ๆ ต่อยอดทำให้ชุดกีฬาได้รับความนิยม และมียอดขายเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

โดยชุดฟุตบอลทีมชาติไทย (ชุดสีน้ำเงิน) ที่เน้นการดีไซน์และแพตเทิร์นสวยงาม วางจำหน่ายในราคาตัวละ 990 บาท ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของเสื้อกีฬาแกรนด์สปอร์ต(ในขณะนั้น) พบว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มียอดขายต่อเนื่อง รวมถึงชุดแข่งทีมฟุตบอลชาติไทยฉลองครบรอบ 100 ปีสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ซึ่งมีราคาตัวละ 1,390 บาท ก็ได้รับความนิยมอย่างสูง ขายหมดเกลี้ยงในเวลาเพียง 10 นาที ทำให้บริษัทมีแผนผลิตเพิ่มและนำมาจำหน่ายภายในเดือนกันยายนนี้ สำหรับผู้พลาดโอกาสในครั้งแรก

ขณะที่พฤติกรรมคนไทยจะนิยมเลือกชุดกีฬาตามชนิดกีฬาที่ชื่นชอบ โดยจะเลือกซื้อเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากการจัดอีเวนต์ รวมถึงการทำไดเร็กต์โปรโมชัน ลด แลก แจก แถม ซึ่งจะกระตุ้นการขายได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันก็มีการโฆษณาผ่านสื่อ ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์และโทรทัศน์ จะเน้นไปที่สื่อกีฬา หรือในช่วงที่มีการแข่งขันกีฬาเป็นหลัก โดยสื่อที่กำลังได้รับความนิยมและส่งผลต่อยอดขายคือ สื่อออนไลน์ ทั้งทางเฟซบุ๊ก และเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่พบว่ามียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้บริษัทมีแผนขยายช่องทาง ด้วยการนำเสื้อผ้าสโมสรอื่น ๆ เข้าจำหน่ายร่วม

จ่อเปิดช็อปใหม่เมืองโคราช

ด้านการจำหน่ายแกรนด์สปอร์ต มีจำหน่ายผ่าน 2 ช่องทางหลัก คือ ร้านขายอุปกรณ์กีฬาและชุดกีฬาทั่วไป ซึ่งจะจำหน่ายรวมทุกแบรนด์ ส่วนใหญ่อยู่ในต่างจังหวัด และร้านแกรนด์ สปอร์ต ช็อป ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 5 แห่ง ได้แก่ ปทุมวัน 2 แห่ง หัวหมาก 2 แห่ง และอุดมสุข 1 แห่ง และแกรนด์สปอร์ต เอาต์เล็ต ช็อป 1 แห่ง ที่ถนนนวมินทร์ ส่วนในต่างจังหวัดมีอยู่ 2 แห่งที่สุพรรณบุรี และสมุทรสาคร โดยในช่วงปลายปีนี้ บริษัทมีแผนเปิดสาขาใหม่ขึ้นที่ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ซึ่งกำลังถูกพัฒนาให้เป็นเมืองกีฬาแห่งใหม่ โดยมีแมตช์การแข่งขันระดับโลกเข้ามาแข่งขันอย่างต่อเนื่อง

"การขยายช่องทางจำหน่ายใหม่ ๆ เช่น ร้านแกรนด์ สปอร์ต ช็อป ทำให้บริษัทได้ฐานลูกค้าใหม่เข้ามา และยังเป็นช่องทางทำให้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าของแท้ แทนที่จะซื้อสินค้าก๊อบปี้ โดยบริษัทมีแผนเปิดให้บริการช็อปเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีพื้นที่เฉลี่ย 140 ตารางเมตร ใช้งบลงทุนตั้งแต่ 2-4 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับจำนวนพื้นที่และทำเลที่ตั้งด้วย"

สำหรับผลประกอบการในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา พบว่ายังไม่ดีขึ้น จากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น และกำลังซื้อของผู้บริโภค ดังนั้น ในครึ่งปีหลังบริษัทจะต้องปรับตัว ด้วยการพัฒนาสินค้าใหม่ออกวางจำหน่ายในตลาดแมส เพื่อให้ลูกค้าซื้อได้ง่ายขึ้น โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าที่จะเติบโตขึ้น 20% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมเกือบ 1,000 ล้านบาท

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,167 วันที่ 19 - 22 มิถุนายน พ.ศ. 2559