การสู้รบระหว่างทหารไทยกับกับกัมพูชาตามแนวชายแดน หรือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาดำเนินมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค. 68 จนถึงล่าสุด
โดยประเด็นดังกล่าวได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ทั้งในด้านของความปลอดภัยของทหารไทย ประชาชนในพื้นที่ และทางด้านเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี อีกหนึ่งประเด็นคำถามที่กำลังได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นจากเหตุการณ์ปะทะกันของไทยและกัมพูชาก็คือ การเรียกกำลังพลสำรองเพื่อช่วยรบ
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของ “ฐานเศรษฐกิจ” พบว่า ระเบียบกองทัพบกว่าด้วยการเรียกกำลังพลสำรองเข้ารับราชการทหาร พ.ศ. 2560 และ ข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยกิจการกำลังพลสำรอง พ.ศ. 2559 สามารถสรุปข้อมูลการเรียกกำลังพลสำรองได้ ประกอบด้วย
เมื่อมีเหตุการณ์สงครามหรือความไม่สงบเกิดขึ้น กระทรวงกลาโหม มีอำนาจในการออกคำสั่ง ระดมพล เพื่อเสริม กำลังพลประจำการ โดยจะดำเนินการเรียกพลกำลังพลสำรองตามขั้นตอน ดังนี้
สำหรับทหารกองหนุน ที่ปลดจาก ทหารเกณฑ์ (หรือเรียกว่า ทหารกองหนุนประเภทที่ 1) จะมีการจัดลำดับตามอายุ ดังนี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องระดมพลเต็มรูปแบบ กองทัพจะพิจารณาจาก
กำลังพลสำรอง หรือทหารกองหนุน คือ ผู้ที่เคยผ่านการเป็นทหารแล้ว แต่ปลดประจำการกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย
กำลังพลสำรอง ไม่ว่าจะเป็น ทหารเกณฑ์ปลดประจำการ หรือ นักศึกษาวิชาทหาร (ร.ด.) ต่างถือเป็นส่วนสำคัญในการเสริม กองทัพไทย และมีโอกาสถูกเรียกตัวหากประเทศต้องเผชิญ ภัยคุกคามทางความมั่นคง หรือสงคราม ดังนั้นผู้ที่อยู่ในสถานะนี้ควรรู้สิทธิ หน้าที่ และเตรียมตัวให้พร้อมเสมอ หากวันหนึ่งต้องกลับไปปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติอีกครั้ง