วันนี้ (8 ก.ค.68) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือ ตำรวจไซเบอร์ นำเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ปฏิบัติการใหญ่เข้าค้น 19 จุดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ และชลบุรี
โดยการค้นครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อขยายผลการสืบสวนคดีที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและการกระทำผิดกฎหมายข้ามชาติ โดยเฉพาะกิจกรรมอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงทางออนไลน์ การฟอกเงินผ่านบัญชีม้า และการทำธุรกรรมกับสกุลเงินดิจิทัล
การตรวจค้นในครั้งนี้มุ่งเป้าไปที่การจับกุม "ก๊ก อาน (Kok An)" ผู้ต้องหาชาวกัมพูชา ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญในเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ โดยก๊กอานมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และมีบทบาทสำคัญในกิจการของ Crown Casino Resort ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา นอกจากนี้ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจกรรมผิดกฎหมายในรูปแบบต่างๆ เช่น Hybrid Scam, Call Center และการฟอกเงินผ่านบัญชีม้า
การสืบสวนในครั้งนี้เริ่มต้นจากคำสั่งที่ 172/2568 ของ บช.สอท. ซึ่งแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนเพื่อคลี่คลายคดีอาชญากรรมข้ามชาติที่เกี่ยวข้องกับก๊กอานและเครือข่ายของเขา โดยพบว่าก๊กอานเป็นเจ้าของสถานที่หลายแห่งในเมืองปอยเปต เช่น อาคาร 25 ชั้น อาคาร 18 ชั้น อาคาร HISO และ Crown Casino Resort ซึ่งเหล่านี้ถูกใช้เป็นศูนย์กลางของการทำธุรกิจหลอกลวงทางออนไลน์ และเป็นฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์
อีกทั้งยังพบข้อมูลที่เชื่อมโยงกับการใช้แรงงานคนไทยจำนวนมาก ที่ถูกหลอกไปทำงานเป็นบัญชีม้าในต่างประเทศ และถูกบังคับให้สแกนใบหน้าเพื่อยืนยันธุรกรรมต่างๆ ในขณะเดียวกันกลุ่มอาชญากรเหล่านี้ยังมีพฤติกรรมในการกักขังหน่วงเหนี่ยวบุคคลในต่างประเทศด้วย
การสืบสวนยังได้เปิดเผยว่า "ก๊ก อาน" รู้ถึงการกระทำผิดที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และมีส่วนร่วมในการจัดการและอำนวยความสะดวกในการดำเนินกิจกรรมผิดกฎหมายเหล่านี้ จึงมีหลักฐานที่ชัดเจนเพียงพอในการยื่นคำร้องขอให้ศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาดังกล่าว ซึ่งศาลได้อนุมัติหมายจับตามคำร้องหมายจับที่ 3924/2568 ลงวันที่ 7 กรกฎาคม 2568
ในระหว่างการตรวจค้นครั้งนี้ ตำรวจได้ตรวจยึดทรัพย์สินหลายรายการ เช่น รถยนต์หรูจำนวนหลายคัน และเงินสดจำนวน 27 ล้านบาท ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่จะช่วยในการดำเนินการสอบสวนและดำเนินคดีต่อไป
การตรวจค้น 19 จุดในครั้งนี้ยังพบความเชื่อมโยงกับการฟอกเงินระหว่างประเทศ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้สกุลเงินดิจิทัลและการทำธุรกรรมที่หลอกลวง โดยมีการใช้เทคโนโลยีในการหลบเลี่ยงการตรวจสอบจากหน่วยงานรัฐ จึงเป็นการปฏิบัติการครั้งใหญ่ของตำรวจไซเบอร์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อล่าตัวผู้กระทำผิด
จากนี้ไป ทางตำรวจไซเบอร์จะมีการแถลงข้อเท็จจริงและรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินการในวันนี้ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ชัดเจนและเปิดเผยขั้นตอนการทำงานในการจับกุมผู้ต้องหาดังกล่าวต่อไป