กรณีร้อนที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์ในสังคม ณ ขณะนี้ คงหนีไม่พ้นเหตุการณ์ที่กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เข้าแจ้งความให้ตรวจสอบรีสอร์ทของ “ด.ต.ยุทธพล ศรีสมพงษ์” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “จอนนี่ มือปราบอินดี้” อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังสายตำรวจ
ซึ่งถูกกล่าวหาว่าบุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย จังหวัดอุบลราชธานี โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางราชการ
เหตุการณ์นี้ไม่ได้เป็นเพียงข้อพิพาทเรื่องสิทธิครอบครองที่ดินเท่านั้น แต่ยังจุดกระแสให้สังคมตั้งคำถามต่อระบบการจัดการที่ดินของรัฐ การเลือกปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ และการตีความกฎหมายที่อาจไม่ครอบคลุมความเป็นจริงของชุมชนในพื้นที่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ได้เข้าแจ้งความต่อ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.)
โดยระบุว่า “จอนนี่ มือปราบ” ได้ทำการก่อสร้างรีสอร์ทบนพื้นที่นิคมฯ ที่ยังไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมพัฒนาสังคมฯ
พื้นที่ที่เป็นปัญหาอยู่ภายใต้พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย พ.ศ. 2511 ครอบคลุมพื้นที่กว่า 24,675 ไร่ ซึ่งตามระเบียบแล้ว การจะใช้ประโยชน์หรือออกเอกสารสิทธิใด ๆ จะต้องได้รับการอนุมัติจากอธิบดีกรมฯ เท่านั้น ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าไม่มีหลักฐานอนุญาตใด ๆ ให้กับรีสอร์ทของจอนนี่
รีสอร์ทของจอนนี่ถูกระบุว่าเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2564 ต่อมาทางกรมฯ มีการลงบันทึกประจำวัน และออกหนังสือเตือนผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดให้ระงับการดำเนินการตั้งแต่ปี 2565 แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าในการบังคับใช้ จนนำมาสู่การแจ้งความอย่างเป็นทางการในครั้งนี้
พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผู้บังคับการ บก.ปทส. ให้ข้อมูลว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนให้ดำเนินคดีกับจอนนี่ในข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่า และจะมีการตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการใช้ภาพถ่ายทางอากาศย้อนหลังเพื่อดูว่าพื้นที่มีการรุกล้ำเมื่อใด และมากน้อยแค่ไหน
ไม่นานหลังมีข่าวแจ้งความ จอนนี่ มือปราบ อดีตตำรวจผู้มีชื่อเสียงโด่งดังจากการปราบคดีอาชญากรรม ได้โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้แบบเผ็ดร้อน ยืนยันว่า “ผมไม่ได้โง่พอที่จะบุกรุกที่ดินของรัฐ”
พร้อมระบุว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวตกทอดกันมาหลายรุ่นและมีบ้าน วัด โรงเรียน และชุมชนอยู่มานานก่อนรัฐจะประกาศควบคุมพื้นที่ดังกล่าว
พร้อมกับตั้งคำถามถึงความไม่เท่าเทียมในระบบการออกเอกสารสิทธิที่บางแปลงสามารถออกโฉนดได้ แต่ที่ดินฝั่งตรงข้ามกลับไม่มีสิทธิ ทั้งที่อยู่ห่างกันไม่ถึง 20 เมตร “นี่เราอยู่คนละประเทศหรือไง?” เขากล่าว พร้อมท้าทายให้ตรวจสอบทุกรีสอร์ทในพื้นที่ ไม่ใช่เลือกเจาะจงเขาเพียงคนเดียว
นอกจากนี้ เขายังประกาศเตรียมดำเนินคดีอาญากลับกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ฐานหมิ่นประมาท และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมขู่ว่าจะยื่นเรื่องถึง ป.ป.ช. และ ป.ป.ท.
จอนนี่ มือปราบ หรือชื่อจริง ด.ต.ยุทธพล ศรีสมพงษ์ ปัจจุบันอายุ 44 ปี เป็นชาวอุบลราชธานี ผู้เคยมีความฝันเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ก่อนเบนสายมาเป็นตำรวจ หลังสอบติดพลตำรวจเมื่อปี 2543
จอนนี่เริ่มต้นชีวิตราชการที่ สน.คันนายาว และรับราชการใน กองบัญชาการตำรวจนครบาล 2 ยาวนานกว่า 13 ปี ก่อนจะถูกดึงตัวเข้าสังกัด กองปราบปราม
เขาเป็นที่รู้จักจากคดีดังที่ปลอมตัวเป็นสาวประเภทสองจับแก๊งมอมยาชายญี่ปุ่นในไทย ซึ่งทำให้เขาเป็นที่รู้จักทั่วประเทศ และกลายเป็นแขกรับเชิญรายการโทรทัศน์มากมาย ก่อนจะเปิดเพจ “จอนนี่ตะลึงกรุง” และช่องยูทูบ ที่มียอดติดตามนับล้าน
ในช่วงหลัง เขาย้ายมารับราชการในพื้นที่บ้านเกิดที่อุบลราชธานี และเริ่มต้นทำธุรกิจหลากหลาย ทั้งค่ายเพลง คาเฟ่ ฟาร์มไก่ชน ร้านอาหาร และล่าสุดคือรีสอร์ทในพื้นที่ที่กำลังเป็นประเด็น
แม้เคยได้รับแต่งตั้งเป็นอินฟลูเอนเซอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเป็นคณะทำงานโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่จอนนี่ได้ประกาศลาออกจากราชการอย่างชัดเจน โดยจะมีผลในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2569
เขาให้เหตุผลว่า “อุดมการณ์ของผมมันขัดกับระบบ” และ “ผมตัดสินใจด้วยสติ ใช้เวลาไตร่ตรองมาเกือบสิบปี” ถือเป็นการปิดฉากบทบาทตำรวจอย่างเป็นทางการ พร้อมฝากชื่อไว้ว่าเป็นตำรวจที่ประชาชนรักและศรัทธา