วันที่ 27 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพื้นที่จังหวัดน่านเกิดฝนตกหนักและฝนตกสะสมต่อเนื่องทุกพื้นที่ ดังนั้นขอเตือนประชาชนเฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลากและดินสไลด์ ในพื้นที่เสี่ยงภัย โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน โดยเฉพาะพื้นที่ อ.ปัว และ อ.บ่อเกลือ เนื่องจากค่าดัชนีความชื้นในดินอยู่ในระดับเฝ้าระวัง (สีแดง) ส่วนพื้นที่อื่น ๆ ให้เฝ้าระวังปริมาณน้ำในลำน้ำสาขาที่เพิ่มสูงขึ้น หากประสบภัยหรือต้องการความช่วยเหลือแจ้งหน่วยงานในพื้นที่ได้ทันที
อนึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา องค์การบริหารส่วนจังหวัดน่าน ได้รายงานว่ามีฝนตกหนักและต่อเนื่องในพื้นที่อุทยานฯดอยภูคา ทำให้เกิดดินสไลด์ปิดเส้นทางสายปัว - บ่อเกลือ บริเวณ ระหว่างกม. ที่ 24-25 เจ้าหน้าที่ อุทยานแห่งชาติดอยภูคาและราษฎรในพื้นที่ได้ช่วยกันแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ทำให้รถยนต์สามารถสัญจร ได้ 1 ช่องทาง
ล่าสุดกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และจังหวัดน่าน ได้ติดตามสถานการณ์ปริมาณฝนในพื้นที่จ.น่าน พบว่า พื้นที่ อ.บ่อเกลือ มีฝนตกหนักและยังคงตกต่อเนื่อง ขอให้เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน/น้ำป่าไหลหลาก/ดินโคลนถล่ม ในระหว่างวันที่ 27 - 28 มิ.ย. 68 โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ ต.บ่อเกลือใต้
นอกจากนั้นแล้ว ยังแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ อ.ปัว หลังพบฝนตกหนักและยังคงตกต่อเนื่อง โดยขอให้เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน/น้ำป่าไหลหลาก/ดินโคลนถล่ม ในระหว่างวันที่ 27-28 มิ.ย. 68 โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ ต.ภูคา ต.สกาด ต.อวน ต.ปัว อ.ปัว
ทั้งนี้ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำเตรียมยกของขึ้นที่สูง ดูแลกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ประชาชนที่อาศัยอยู่ที่ลาดเชิงเขาให้เฝ้าดินโคลนถล่ม และให้ติดตามข่าวสารจากทางราชการในพื้นที่อย่างใกล้ชิด
โดย ปภ. ได้ร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ Ais True และ NT ส่งข้อความแจ้งเตือนผ่าน Cell Broadcast แจ้งเตือนให้เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน/น้ำป่าไหลหลาก/ดินโคลนถล่ม บริเวณพื้นที่ ต.ภูคา ต.สกาด ต.อวน ต.ปัว อ.ปัว จ.น่าน
ประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” เพิ่มเพื่อนที่ Line ID @1784DDPM หรือโทรสายด่วนนิรภัย (ปภ.) 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
อนึ่ง นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้มอบแนวทางการยกระดับการบริหารสถานการณ์อุทกภัย ด้วยการนำระบบบัญชาการเหตุการณ์แบบ Single Command มาใช้ต่อยอดจากความสำเร็จในการจัดการปัญหาไฟป่าและ PM 2.5 โดยเน้นการสลายขั้วอำนาจการบริหารในพื้นที่ และดำเนินการบัญชาการร่วมกันทั้งในระดับจังหวัดและอำเภอ พร้อมบูรณาการการทำงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การรับมือกับภัยพิบัติเกิดประสิทธิภาพสูงสุดและครอบคลุมทุกมิติ
ที่มาข้อมูล-ภาพ