บริษัท เข็มเหล็ก จำกัด (KEMREX) ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) เพื่อร่วมวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเสาเข็มเหล็ก รวมถึงการผลักดันนวัตกรรมฐานรากในภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยอย่างเป็นระบบ มุ่งยกระดับมาตรฐานวิศวกรรม เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน และวางรากฐานสู่ความยั่งยืนในระยะยาว
พิธีลงนามจัดขึ้น ณ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ โดยมี รศ.ดร.วิทยา วัณณสุโภประสิทธิ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ และนายประเสริฐ ธรรมมนุญกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บจก.เข็มเหล็ก ร่วมลงนาม พร้อมคณะผู้บริหารจากทั้งสองฝ่ายร่วมเป็นสักขีพยาน
รศ.ดร.วิทยา ระบุว่า ความร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงเปิดโอกาสให้นิสิตและนักวิจัยของจุฬาฯ เข้าถึงเทคโนโลยีฐานรากสมัยใหม่ แต่ยังเป็นการเชื่อมโยงองค์ความรู้ทางวิศวกรรมกับภาคปฏิบัติจริงในไซต์งาน ช่วยผลักดันอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
ขณะที่ ศ.ดร.เกษม ชูจารุกุล หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมโยธา เสริมว่า เทคโนโลยีเสาเข็มเหล็กมีศักยภาพสูงในการลดระยะเวลาก่อสร้าง ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และเพิ่มความยืดหยุ่นของโครงการ ความร่วมมือกับเข็มเหล็กครั้งนี้จะเปิดประตูสู่การพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์เมืองยุคใหม่
นายประเสริฐ ซีอีโอของเข็มเหล็ก กล่าวว่า บริษัทรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับจุฬาฯ โดยโครงการแรกจะเริ่มต้นที่การวิจัยเรื่องแรงสั่นสะเทือนจากการติดตั้งเสาเข็ม ซึ่งเป็นข้อมูลที่ยังขาดในภาคสนาม ตามประกาศของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายความร่วมมือสู่โครงการวิจัยเสาเข็มเหล็กแบบพิเศษ “KEMREX Angle Installation” (KAI) ซึ่งเหมาะกับพื้นที่แคบหรือมีข้อจำกัดด้านการติดตั้ง และกำลังได้รับความสนใจจากทั้งภาคการศึกษาและเอกชน
ภายใต้ MOU ฉบับนี้ ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันขับเคลื่อนการวิจัย การจัดกิจกรรมวิชาการ และการถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะด้านมาตรฐานอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีฐานรากที่ตอบโจทย์เศรษฐกิจยุคใหม่
ก่อนหน้านี้ เข็มเหล็กเคยร่วมมือกับสถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีไทย-ฝรั่งเศส แห่ง มจพ. ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย-ฝรั่งเศส ในการพัฒนาเทคโนโลยีและทรัพยากรมนุษย์ด้านวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม เพื่อเสริมศักยภาพประเทศไทยบนเวทีนานาชาติ
“นี่คือจุดเริ่มต้นของการบูรณาการองค์ความรู้ระหว่างภาคการศึกษาและธุรกิจ ที่จะสร้างแรงขับเคลื่อนใหม่ให้วงการก่อสร้างไทยเดินหน้าสู่อนาคตด้วยเทคโนโลยีที่ยั่งยืนและแข่งขันได้” นายประเสริฐ กล่าวทิ้งท้าย