ในช่วงฤดูฝนที่มักจะมีฝนตกหนักและฟ้าคะนอง ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงจากไฟฟ้าลัดวงจรและอัคคีภัยเพิ่มมากขึ้น การตรวจสอบระบบไฟฟ้าภายในบ้านและอาคารเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้ารั่วหรือการเกิดไฟไหม้ที่อาจเกิดขึ้นได้จากสภาพแวดล้อมที่เปียกชื้น
สถิติจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ระบุว่า กว่า 73% ของอุบัติเหตุจากไฟฟ้าเกิดขึ้นจากอุปกรณ์ไฟฟ้าชำรุด หรือการไม่ตรวจสอบระบบไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ การเช็กระบบไฟฟ้าจะช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ไฟฟ้าในช่วงที่ฝนตกหนัก ดังนั้น นี่คือ 5 วิธีง่ายๆ ที่สามารถทำได้เบื้องต้นเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในช่วงหน้าฝน
การตรวจสอบตู้เมนไฟฟ้าและเบรกเกอร์เป็นสิ่งสำคัญ ควรเช็กว่าทุกอุปกรณ์ยังทำงานได้ปกติ หากพบปัญหา เช่น สายไฟชำรุดหรือไหม้ ควรรีบปิดระบบไฟฟ้าทั้งหมด และให้ช่างมาดำเนินการแก้ไขโดยเร็ว
หากได้ยินเสียงช็อตไฟฟ้าหรือได้กลิ่นไหม้จากอุปกรณ์ไฟฟ้า ควรรีบปิดไฟทันทีและตรวจสอบให้ช่างไฟฟ้าตรวจเช็กอย่างละเอียด เพื่อป้องกันไฟไหม้จากการลัดวงจร
เช็กสายไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดในบ้าน หากพบสายไฟที่มีรอยแตกหรืออุปกรณ์ที่เสื่อมสภาพ ควรหยุดใช้และเปลี่ยนใหม่ทันที เพื่อป้องกันการลัดวงจรที่อาจเกิดขึ้น
ระบบสายดินที่ชำรุดจะทำให้การระบายไฟฟ้าไม่ปลอดภัย ควรตรวจสอบให้มั่นคงและถูกต้องเสมอ หากพบปัญหา ควรให้ช่างไฟฟ้าดำเนินการซ่อมแซมทันที
ในช่วงหน้าฝนที่มีฝนตกและความชื้นสูง ควรตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าที่อาจสัมผัสน้ำหรืออยู่ใกล้แหล่งน้ำ เพราะอาจเกิดไฟฟ้ารั่วได้ หากพบปัญหาควรปิดไฟหลักและให้ช่างมาตรวจสอบ
ดังนั้น การเช็กระบบไฟฟ้าภายในบ้านและอาคารในช่วงหน้าฝนไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันอุบัติเหตุจากไฟฟ้าลัดวงจร แต่ยังเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับบ้านและอาคาร รวมถึงลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากไฟฟ้ารั่ว การเช็กระบบไฟฟ้าบ่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงที่มีฝนตกหนักเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณใช้ไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัยในทุกสถานการณ์