นายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) เปิดเผยว่า กิจการการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าบ้านพักคนชราต้องผ่านการประเมินมาตรฐานครบทั้ง 3 ด้าน คือ มาตรฐานด้านสถานที่ ความปลอดภัย และการให้บริการ จึงจะได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการ
ทั้งนี้ หลังจากที่ได้รับใบอนุญาตฯแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่ของกรม สบส. ได้มีการกระจายทีมลงเฝ้าระวังทั่วประเทศ เพื่อให้สถานประกอบการคงไว้ซึ่งคุณภาพมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด เป็นการคุ้มครองผู้สูงอายุให้ได้รับบริการที่มีคุณภาพ มาตรฐาน และความปลอดภัยที่ดี สร้างความเชื่อมั่นให้กับญาติ ปัจจุบันมีกิจการการดูแลผู้สูงอายุฯที่ได้รับอนุญาตแล้วทั่วประเทศ 724 แห่ง
"กรม สบส. มีภารกิจในการกำกับดูแลการประกอบกิจการการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง ให้มีคุณภาพมาตรฐานตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2559"
ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า ผู้รับบริการในกิจการการดูแลผู้สูงอายุฯ ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและบางรายมีภาวะพึ่งพิง ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง เรื่องมาตรฐานจึงย่อหย่อนไม่ได้โดยเด็ดขาด โดยเฉพาะมาตรฐานด้านความปลอดภัย
ซึ่งโดยทั่วไปในสถานประกอบการจะต้องมีอุปกรณ์และคู่มือการปฐมพยาบาลที่พร้อมใช้งาน มีระบบป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ มีการอบรมช่วยฟื้นคืนชีพ หากเป็นสถานประกอบการลักษณะที่จัดให้มีที่พำนักอาศัยหรือมีการพักค้างคืน จะต้องมีอุปกรณ์ช่วยฟื้นคืนชีพ มีการติดสัญญาณเรียกฉุกเฉินหรือสัญญาณเตือนภัย
และมีเครื่องกระตุกหัวใจด้วย ที่สำคัญช่วงฤดูร้อนมักมีสภาพอากาศแห้งแล้ง อุณหภูมิเฉลี่ยจะสูงถึง 40-43 องศาเซลเซียส ทำให้มีอากาศร้อนจัด เป็นช่วงที่มีสถิติการเกิดเพลิงไหม้สูง สถานประกอบการทุกแห่งต้องเข้มเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยด้านอัคคีภัย เพื่อป้องกันและลดความสูญเสีย ประกอบด้วย