เปิดโปง! เครือข่าย "ส่วยบ่อนพนัน" เงินหมื่นล้านที่หายไปจากระบบ

21 เม.ย. 2568 | 13:27 น.
อัปเดตล่าสุด :21 เม.ย. 2568 | 13:42 น.

เจาะลึกระบบส่วยการพนันมูลค่า 8 หมื่นล้านบาทต่อปี ที่ไม่เคยเข้าคลัง เส้นทางเงินมืดสู่ 3 ชั้นอำนาจ จากเจ้าของบ่อนถึงนักการเมือง และเหตุผลที่รัฐไม่กล้าแตะ

ในขณะที่รัฐบาลพยายามหารายได้จากทุกช่องทางเพื่อเข้าคลัง กลับมีเศรษฐกิจนอกระบบขนาดมหึมาที่หมุนเวียนเงินนับหมื่นล้านบาทต่อปี โดยไม่เคยปรากฏในงบประมาณแผ่นดินหรือระบบภาษีใดๆ - นั่นคือ "ส่วยพนัน" หนึ่งในเครือข่ายธุรกิจใต้ดินที่ทรงพลังที่สุดในประเทศไทย

 

ส่วย ระบบเศรษฐกิจคู่ขนานมูลค่า 8 หมื่นล้านบาทต่อปี

 

จากการสืบสวนพบว่า ธุรกิจการพนันผิดกฎหมายในประเทศไทยมีมูลค่าสูงถึง 1.1 ล้านล้านบาท ก่อให้เกิด "ระบบส่วย" ที่มีมูลค่าราว 8 หมื่นล้านบาทต่อปี โดยเงินจำนวนมหาศาลนี้ไม่เคยเข้าสู่ระบบการจัดเก็บภาษีหรือตรวจสอบตามกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น

ข้อมูลจากโพสต์ทูเดย์ อ้างอิงเอกสารลับภายในระบุว่า โครงสร้างการจ่ายส่วยในไทย แบ่งได้ 2 กลุ่มหลัก

 

1. บ่อนภาคพื้นดิน:

  • สัดส่วนส่วย: 5-8% ของรายได้
  • มูลค่าส่วยต่อปี (ประมาณการ): 30,000-48,000 ล้านบาท

 

2. พนันออนไลน์:

  • สัดส่วนส่วย: 3-6% ของรายได้
  • มูลค่าส่วยต่อปี (ประมาณการ): 15,000-30,000 ล้านบาท

 

รวมทั้งหมดของส่วยรวมต่อปี: 45,000-78,000 ล้านบาท/ปี

ข้อมูลจากโพสต์ทูเดย์ ระบุด้วยว่า เงินเหล่านี้ไม่เข้าคลัง ไม่ถูกตรวจสอบ ไม่สามารถตรวจสอบย้อนหลัง และ ไม่สามารถฟ้องร้องผู้รับได้ในทางกฎหมาย

 

“เงินส่วย” เดินทางอย่างไร?

 

จากการรวบรวมข้อมูลของทีมข่าวเชิงสืบสวน พบเส้นทางการจ่ายส่วยแบ่งเป็น 3 ชั้นสำคัญ

 

1.เจ้าของบ่อน/เว็บ → จ่ายตรงให้ “พี่ใหญ่” หรือกลุ่มคุ้มกันในพื้นที่

 

2.เครือข่ายเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ → ตำรวจ-ฝ่ายปกครอง-บางส่วนในฝ่ายปกครองส่วนท้องถิ่น

 

3.ส่งต่อส่วนแบ่งสู่ระดับบน → โดยเฉพาะในพื้นที่บ่อนขนาดใหญ่หรือเว็บรายใหญ่ ที่อาจมีสายตรงไปถึงนักการเมือง-ข้าราชการระดับสูง

 

“ยิ่งบ่อนใหญ่ ยิ่งอยู่ในเมือง ยิ่งต้องจ่ายมาก เพราะการคุ้มกันแพง” — แหล่งข่าวในวงการให้ข้อมูล

 

คำถามใหญ่ที่สังคมตั้งคือ  ทำไมรัฐจึงปล่อยให้เงินมหาศาลไหลไปในระบบส่วย ทั้งที่ สามารถเก็บภาษีได้ปีละ 2.2 แสนล้านบาท ปราบปรามได้หากต้องการจะทำ ที่สำคัญสามารถควบคุมความเสียหายทางสังคมได้

 

แต่นักวิเคราะห์ชี้ว่า ปรากฏการณ์ “Policy Inertia” หรือภาวะที่รัฐไม่กล้าเปลี่ยนแปลงระบบ เกิดจากการที่บางคน มีส่วนได้เสียกับสภาพที่เป็นอยู่

 

เมื่อส่วยไม่ใช่แค่เรื่องเงิน…แต่คืออำนาจ เงินจากส่วยจำนวนหลายหมื่นล้านบาทต่อปี กลายเป็นแหล่งทุนการเมือง ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ ใช้เลี้ยงเครือข่าย ใช้ซื้ออำนาจต่อรอง และอาจถูกนำกลับมาใช้ในการเลือกตั้ง

 

“ระบบนี้ซับซ้อนเกินจะล้มได้ ถ้าไม่ตัดอำนาจของคนที่คุ้มกันมันอยู่” — ข้อสรุปจากอดีตนายตำรวจระดับสูง

 

ที่มาข้อมูล โพสต์ทูเดย์