วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ห้องพิจารณาคดี 503 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลข ย.87/2566 ซึ่งสำนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ “ตู้ห่าว” จำเลยที่ 2 และ พ.ต.อ.หญิง วันทนารีย์ กรณ์ชายานันท์ อดีตภรรยาของตู้ห่าว ซึ่งดำรงตำแหน่ง ผกก.ฝ่ายความร่วมมือและกิจการระหว่างประเทศ กองการต่างประเทศ เป็นจำเลยที่ 8 พร้อมพวกรวม 25 ราย ในข้อหาสมคบกันกระทำผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดในลักษณะขององค์กรอาชญากรรม
โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้งหมดในข้อหาหลายกระทง ได้แก่
คดีนี้เกิดขึ้นจากเหตุการณ์วันที่ 26 ตุลาคม 2565 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เข้าตรวจค้นผับชื่อ “จินหลิง” ในย่านสาทร หลังได้รับรายงานว่าเป็นแหล่งมั่วสุมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน
ผลจากการตรวจค้นพบ ยาเสพติดประเภท 1, 2 และ 4 พร้อมอุปกรณ์เสพยาและอาวุธปืนจำนวนมาก จากการสืบสวนพบว่าผับดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายทุนจีนสีเทา และมี นายตู้ห่าว และพรรคพวกเกี่ยวข้อง
จากการสอบสวน ตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 ถึง 1 พฤศจิกายน 2565 พบว่าจำเลยทั้ง 25 ราย มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารและดำเนินกิจการผิดกฎหมายในผับจินหลิง โดยมีพฤติการณ์ดังนี้
หลังพิจารณาหลักฐาน ศาลเห็นว่าโจทก์ไม่สามารถนำเสนอหลักฐานที่ชัดเจนว่า จำเลยทั้ง 25 ราย มีการสั่งการหรือควบคุมการดำเนินงานขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติได้อย่างไร
รวมถึง ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า "ตู้ห่าว" มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการค้ายาเสพติดที่ผับจินหลิง
อย่างไรก็ตาม ศาลพิจารณาแล้วพบว่า จำเลยที่ 1, 4 และ 5 ให้การรับสารภาพว่าเป็นพนักงานของร้านจินหลิง และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดเก็บยาเสพติดเพื่อจำหน่ายภายในผับ โดยยาเสพติดที่พบมีปริมาณมากและมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง
คำพิพากษาของศาล
ศาลตัดสินดังนี้
จำเลยที่ 1, 4 มีความผิดฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 และวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และ 4 รวมถึงมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต
จำเลยที่ 5 มีความผิดฐานเดียวกับจำเลยที่ 1 และ 4 รวมถึงเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และให้ที่พักพิงแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย
จำเลยที่ 7, 11, 12 มีความผิดฐานสนับสนุนการจำหน่ายยาเสพติด
จำเลยที่ 2 (ตู้ห่าว), 3, 6, 8, 9, 10, 13-25 ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าหลักฐานไม่เพียงพอในการเอาผิด
หลังคำพิพากษา อัยการต้องขอคัดคำพิพากษาฉบับเต็ม และส่งให้ อัยการสูงสุด พิจารณาว่าจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ เนื่องจากคดีนี้ถือเป็นคดีนอกราชอาณาจักร