ศาลยกฟ้อง “ตู้ห่าว” หลักฐานไม่พอ หลุดทุกคดี "อั้งยี่-ฟอกเงิน-ยาเสพติด"

11 ก.พ. 2568 | 10:02 น.
อัปเดตล่าสุด :11 ก.พ. 2568 | 10:14 น.

ศาลอาญากรุงเทพใต้ยกฟ้อง ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ "ตู้ห่าว" และอดีตภรรยา คดียาเสพติดในลักษณะขององค์กรอาชญากรรม และฟอกเงิน แต่ลูกน้อง 6 คนโดนหนัก คุก 20 กว่าปี

วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ห้องพิจารณาคดี 503 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลข ย.87/2566 ซึ่งสำนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ “ตู้ห่าว” จำเลยที่ 2 และ พ.ต.อ.หญิง วันทนารีย์ กรณ์ชายานันท์ อดีตภรรยาของตู้ห่าว ซึ่งดำรงตำแหน่ง ผกก.ฝ่ายความร่วมมือและกิจการระหว่างประเทศ กองการต่างประเทศ เป็นจำเลยที่ 8 พร้อมพวกรวม 25 ราย ในข้อหาสมคบกันกระทำผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดในลักษณะขององค์กรอาชญากรรม

 

ข้อกล่าวหาต่อจำเลยทั้ง 25 ราย

 

โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้งหมดในข้อหาหลายกระทง ได้แก่

  • สมคบกันกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ในลักษณะองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
  • ร่วมกันจำหน่ายและมีไว้เพื่อจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต
  • ร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และประเภท 4 (คีตามีน, ไนเมตาซีแพม, โคลนาซีแพม, สารซีเมทิลีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต
  • สมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน
  • เป็นอั้งยี่และมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
  • ร่วมกันครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยไม่ได้รับอนุญาต
  • เปิดสถานบริการโดยไม่มีใบอนุญาต
  • รับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต
  • ให้ที่พักพิงหรือช่วยเหลือคนต่างด้าวที่เข้าเมืองผิดกฎหมาย

ที่มาของคดี – ปฏิบัติการตรวจค้นผับ "จินหลิง"

 

คดีนี้เกิดขึ้นจากเหตุการณ์วันที่ 26 ตุลาคม 2565 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เข้าตรวจค้นผับชื่อ “จินหลิง” ในย่านสาทร หลังได้รับรายงานว่าเป็นแหล่งมั่วสุมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน

 

ผลจากการตรวจค้นพบ ยาเสพติดประเภท 1, 2 และ 4 พร้อมอุปกรณ์เสพยาและอาวุธปืนจำนวนมาก จากการสืบสวนพบว่าผับดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายทุนจีนสีเทา และมี นายตู้ห่าว และพรรคพวกเกี่ยวข้อง

 

จากการสอบสวน ตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 ถึง 1 พฤศจิกายน 2565 พบว่าจำเลยทั้ง 25 ราย มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารและดำเนินกิจการผิดกฎหมายในผับจินหลิง โดยมีพฤติการณ์ดังนี้

  1. เปิดสถานบริการผิดกฎหมาย และมีเครือข่ายนำคนกัมพูชาและชาวต่างด้าวเข้ามาทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต
  2. ให้บริการกับนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นหลัก โดยมีการจัดหายาเสพติดให้ใช้ภายในสถานบันเทิง
  3. มีหลักฐานการฟอกเงินผ่านบัญชีธนาคารกว่า 300 ครั้ง เพื่อปกปิดแหล่งที่มาของรายได้ที่มาจากการค้ายาเสพติด
  4. พฤติการณ์เชื่อมโยงกับเครือข่ายค้ายาข้ามชาติ และเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนเสียชีวิตจากการเสพยาเสพติดที่สถานบันเทิงย่านรัชดาภิเษก

 

คำวินิจฉัยของศาล

 

หลังพิจารณาหลักฐาน ศาลเห็นว่าโจทก์ไม่สามารถนำเสนอหลักฐานที่ชัดเจนว่า จำเลยทั้ง 25 ราย มีการสั่งการหรือควบคุมการดำเนินงานขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติได้อย่างไร

 

รวมถึง ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า "ตู้ห่าว" มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการค้ายาเสพติดที่ผับจินหลิง

 

อย่างไรก็ตาม ศาลพิจารณาแล้วพบว่า จำเลยที่ 1, 4 และ 5 ให้การรับสารภาพว่าเป็นพนักงานของร้านจินหลิง และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดเก็บยาเสพติดเพื่อจำหน่ายภายในผับ โดยยาเสพติดที่พบมีปริมาณมากและมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง
คำพิพากษาของศาล

 

ศาลตัดสินดังนี้

 

จำเลยที่ 1, 4 มีความผิดฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 และวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และ 4 รวมถึงมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต

  • ลงโทษจำคุก 27 ปี 6 เดือน ปรับ 1,790,000 บาท

 

จำเลยที่ 5 มีความผิดฐานเดียวกับจำเลยที่ 1 และ 4 รวมถึงเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และให้ที่พักพิงแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย

  • ลงโทษจำคุก 28 ปี 12 เดือน ปรับ 2,600,000 บาท

 

จำเลยที่ 7, 11, 12 มีความผิดฐานสนับสนุนการจำหน่ายยาเสพติด

  • ลงโทษจำคุก 21 ปี 24 เดือน ปรับ 1,706,666 บาท

 

จำเลยที่ 2 (ตู้ห่าว), 3, 6, 8, 9, 10, 13-25 ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าหลักฐานไม่เพียงพอในการเอาผิด

  • มีคำสั่งยกฟ้อง

 

เหตุผลที่ศาลยกฟ้องตู้ห่าว

  • ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่า “ตู้ห่าว” ควบคุมหรือมีบทบาทในการค้ายาเสพติด
  • การโอนเงินที่เกิดขึ้นไม่สามารถชี้ชัดว่าเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด
  • เจ้าหน้าที่ไม่สามารถแฝงตัวเข้าไปสืบสวนภายในร้านได้ก่อนเข้าตรวจค้น
  • หลักฐานที่พบเกี่ยวข้องกับพนักงานของร้าน ไม่สามารถโยงถึง "ตู้ห่าว" ได้โดยตรง

 

ขั้นตอนต่อไป – ลุ้นอัยการสูงสุดอุทธรณ์หรือไม่

 

หลังคำพิพากษา อัยการต้องขอคัดคำพิพากษาฉบับเต็ม และส่งให้ อัยการสูงสุด พิจารณาว่าจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ เนื่องจากคดีนี้ถือเป็นคดีนอกราชอาณาจักร