วอน‘บิ๊กตู่’ทบทวนปิดอุทยานเจ้าไหมกระทบท่องเที่ยว

08 มิ.ย. 2559 | 13:00 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

ชมรมโรงแรมจ.ตรัง ทำหนังสือถึง”บิ๊กตู่” กรณีอุทยานฯเจ้าไหม สั่งปิดเกาะเผยกระทบท่องเที่ยวหนัก 4 เดือนไร้เม็ดเงินเข้าจังหวัด100 ล้าน

จากกรณีที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ประกาศปิดอุทยานแห่งชาติครอบคลุมพื้นที่ทางบกและทะเล ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดตรังทั้งทางบกและทะเล เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน - 30 กันยายน 2559 รวมระยะเวลา 4 เดือน การประกาศปิดสถานที่ท่องเที่ยว ทำให้ผู้ประกอบการ โรงแรม รีสอร์ต ร้านอาหาร ผู้ประกอบการนำเที่ยว เรือ มัคคุเทศก์ สายการบิน รถโดยสารและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องต่างได้รับผลกระทบ 4 เดือนเต็มเพราะไม่มีรายได้เข้ามา
อีกทั้งผู้ประกอบการนำเที่ยวจากต่างประเทศ เช่น จีนกว่า 45 ราย เคยมาสำรวจและจะส่งนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวทะเลตรังช่วงโลว์ซีซัน ก็ต้องยกเลิกโปรแกรมการท่องเที่ยวมาจังหวัดตรังทั้งหมด ทำให้ผู้ประกอบการนำเที่ยวจากจีนและไทยต่างได้รับความเสียหาย เพราะการประกาศปิดอุทยานในครั้งนี้

เจ้าหน้าที่เอาจริงกับผู้ที่ฝ่าฝืน หากนำนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่อุทยานก็จะมีความผิดตามกฎหมาย ซึ่งในปี 2558 ที่ผ่านมาระยะเวลา 4 เดือนเต็มผู้ประกอบการนำเที่ยว ไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งปิดเขตอุทยานดังที่กล่าวมา ในปีนี้ผู้ประกอบการนำเที่ยว โรงแรม รีสอร์ต และที่เป็นองค์กร เช่น สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดตรัง ชมรมโรงแรมจังหวัดตรัง หลายกลุ่มและประธานชมรมการท่องเที่ยว โดยชุมชนได้ขอผ่อนผันยกเว้นพื้นที่ท่องเที่ยวบางจุด ที่ไม่มีผลกระทบต่อการฟื้นตัวของปะการังหรือการขยายพันธุ์ของสัตว์น้ำในทะเลคือถ้ำมรกต

โดยนายลือพงษ์ อ๋องเจริญ ประธานชมรมโรงแรมจังหวัดตรัง เปิดเผยกับ” ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การที่กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จังหวัดตรัง สั่งปิดสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ในเขตอุทยาน ทำให้ผู้ประกอบการ โรงแรม รีสอร์ต ร้านอาหาร บริษัทนำเที่ยว เรือ มัคคุเทศก์ สายการบิน รถโดยสารและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องได้รับผลกระทบไม่มีรายได้ช่วง 4 เดือนที่ปิดเกาะ ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมาการปิดเขตอุทยานทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวซบเซา ไม่มีนักท่องเที่ยว ไม่มีรายได้ เงินหายไป 100 ล้านบาท ดังนั้นปีนี้ ทางผู้ประกอบการ ชมรมโรงแรมจังหวัดตรัง และ เครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนหรือ CBT จังหวัดตรัง ได้ทำหนังสือลงวันที่ 18 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา ถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อมีคำสั่งถึงกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืชให้ทบทวนการปิดเขตอุทยานทั้งหมด อนุโลมให้เปิดถ้ำมรกตสามารถนำนักท่องเที่ยวไปได้ เพราะถ้ำมรกต ไม่มีปะการัง ไม่มีการฟักหรือผสมพันธุ์ของสัตว์ทะเลใด ๆ อีกทั้งเป็นจุดขายที่นักท่องเที่ยวอยากไป และไม่มีอันตราย

ล่าสุดสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มีหนังสือลงวันที่ 29 เมษายน 2559 มาถึงตนเองว่าได้รับหนังสือแล้วและมีหนังสือถึงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้พิจารณา โดยให้แจ้งผลให้ท่านทราบโดยตรง

ด้านนายประทีป โจ้งทอง นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จังหวัดตรัง เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่าเมื่อปี 2557 มีนักท่องเที่ยวจากจีนเดินทางมาท่องเที่ยวทะเลตรัง ในช่วงโลว์ซีซัน ทั้งเป็นกรุ๊ปและส่วนตัว แต่เมื่อปี 2558 มีการประกาศปิดอุทยานและกินพื้นที่ท่องเที่ยวทางทะเลที่มีเกาะ 4 เดือน ทำให้เอเยนต์ที่ส่งทัวร์จากจีนมาเที่ยวทะเลตรังได้ยกเลิกการเดินทางมาทะเลตรังทั้งหมด ทำให้ผู้ประกอบการเสียโอกาสทางด้านการท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เม็ดเงินที่จะมากับการท่องเที่ยวช่วงโลว์ซีซัน ช่วง 4 เดือนปีละหลายร้อยล้านบาท และในปี 2559 อุทยานประกาศปิดเขตอุทยานเหมือนเดิม ทัวร์จีน 45 บริษัทจึงไม่ส่งนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวทะเลตรัง

ขณะนี้ผู้ประกอบการรอความหวังจากหนังสือที่นายลือพงษ์ อ๋องเจริญ ประธานชมรมโรงแรมจังหวัดตรัง ส่งหนังสือขอผ่อนผันไปถึง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีว่าจะพิจารณาอย่างไร เพราะโดยสภาพข้อเท็จจริงถ้ำมรกต ไม่มีปะการังหรือเป็นแหล่งฟักตัวของสัตว์ทะเลชนิดใด ๆ จุดขายการท่องเที่ยวทะเลอยู่ที่ถ้ำมรกต เพราะเป็นอันซีนไทยแลนด์ อีกทั้งผู้ประกอบการเรือนำเที่ยว หากมีพายุฝนฟ้าคะนอง คลื่นลมแรง กัปตันเรือก็จะไม่นำเรือออกทะเลอย่างแน่นอน เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของผู้โดยสารที่เป็นนักท่องเที่ยวทุก สิ่งเหล่านี้ทางอุทยานทราบหรือไม่

ต่อเรื่องนี้นายเดชรัฐ สิมสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่าจากการประชุมกรรมการของอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ได้ข้อสรุปว่า เกาะกระดาน เกาะมุก เกาะลิบง เกาะสุกร และสันหลังมังกรทั้ง 6 ตัว ไม่อยู่ในพื้นที่ประกาศของอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมที่จะสั่งปิดในวันที่ 1 มิถุนายน- 30 กันยายนนี้ ส่วนพื้นที่ถ้ำมรกต เกาะเชือก เกาะแหวน สั่งห้ามและงดกิจกรรมดำน้ำโดยเด็ดขาด จึงประกาศเพื่อทราบและแจ้งไปยังผู้ประกอบการด้วย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,163 วันที่ 5 - 8 มิถุนายน พ.ศ. 2559