เปิดไทม์ไลน์ผู้ป่วยฝีดาษลิงคนแรก ชาวไนจีเรีย ก่อนหนีออกจากรพ.ภูเก็ต

22 ก.ค. 2565 | 05:08 น.

ภูเก็ตยืนยันผู้ป่วยฝีดาษลิง ชาวไนจีเรีย หนีการรักษาตัวจากโรงพยาบาลภูเก็ต ขณะนี้กำลังเร่งติดตามตัว พร้อมเปิดไทม์ไลน์ผู้ป่วยรายนี้ เผยเข้าไทยมาตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2564 อนุทิน สั่งไล่ล่าตัวด่วนอาจมีการเนรเทศและถูกดำเนินคดี

นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต แถลงยืนยันหลังมีกระแสข่าวว่าผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงรายแรกในไทยที่เป็นชายชาวไนจีเรีย หนีการรักษาตัวจากโรงพยาบาลในภูเก็ต ว่าเป็นเรื่องจริง โดยขณะนี้กำลังเร่งติดตามตัว ซึ่งเป็นชาวไนจีเรีย อายุ 27 ปี

 

เปิดไทม์ไลน์ผู้ป่วยฝีดาษลิงคนแรก ชาวไนจีเรีย ก่อนหนีออกจากรพ.ภูเก็ต

เปิดไทม์ไลน์ของผู้ป่วยฝีดาษลิง คนแรกในไทย ชาวไนจีเรีย 

 

  • วันที่ 21 ต.ค. 64 เดินทางเข้าประเทศไทย

 

  •  มีประวัติการเข้าพักอาศัยที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน 2564 ถึงปัจจุบัน

 

  • มีประวัติเสี่ยงคือสัมผัสนักท่องเที่ยวในสถานบันเทิงที่ป่าตองใน 2-3 สัปดาห์ก่อนป่วย พร้อมทั้งให้ประวัติว่ามีเพศสัมพันธ์แบบไม่ปลอดภัยกับหญิงไม่สามารถระบุสัญชาติได้

 

  • วันที่ 16 ก.ค.65 เวลา 15.30น. ได้รับแจ้งจาก รพ. ว่ามีเคสสงสัย เนื่องจากชาวไนจีเรียคนดังกล่าวไปตรวจที่รพ.เอกชนแห่งหนึ่งในตัวเมืองภูเก็ต หลังจากมีไข้ ไอ จาม และ มีตุ่มหนองที่ผิวหนัง
  • วันที่ 18 ก.ค.65​ เวลา 18.00น. ทราบผลแลปจากจุฬาฯ ทีมสอบสวนติดตามผู้ป่วย

 

  • วันที่ 19 ก.ค.65 ช่วงบ่าย ทราบผลแลปยืนยันจากกรมวิทย์ฯว่าเป็นผู้ป่วยฝีดาษลิง

 

  • วันที่ 21 ก.ค. 65 ช่วงบ่าย คณะกรรมการวิชาการโรคติดต่อแห่งชาติยืนยัน

 

 

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ชายวัย 27 ปี ชาวไนจีเรีย ผู้ป่วย ‘ฝีดาษลิง’ รายแรกในไทย ไม่ให้ความร่วมมือกับทางการ หลังแจ้งผลตรวจติดเชื้อ และขอให้เข้ารับการรักษาตัว  ผู้ป่วยไม่ร่วมมือ อ้างว่ามาทำธุรกิจในไทย ให้ข้อมูลเพียงว่าชอบเที่ยวสถานบันเทิง และเพิ่งมีเพศสัมพันธ์ไป

 

รพ.ไม่ได้ให้แอดมิทรักษาตัวใน รพ.โดยให้รักษาอาการและกักตัวที่บ้าน เพราะอาการน้อย แต่พอผลยืนยันว่าฝีดาษลิงแน่นอน ก็ติดต่อไปเพื่อจะพาคนไข้มากักตัวที่ รพ แต่คนไข้ปิดมือถือหนี และนั่งแท็กซี่ออกจากคอนโดที่พัก ไปป่าตอง แล้วหลังจากนั้นก็หายตัวไปจากโรงแรม ยังตามตัวแท็กซี่คันนั้นไม่ได้ ขอให้แท็กซี่คันดังกล่าวรีบติดต่อ จนท.เพื่อตรวจโรค

 

Mr.OSMOND CHIHAZIRIM NZEREM สัญชาติไนจีเรีย วันเกิด 19/01/1995 อายุ 27 ปี  หนังสือเดินทาง A10414328 เข้ามาทาง ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ เที่ยวบินที่ ET0618  เมื่อ 21/10/2021 ประเภทวีซ่า NON-ED  น่าจะมาเรียนภาษา  (อยู่ได้ 90 วัน) อนุญาตถึง18/01/2022

 

โดยแจ้งว่า จะเดินทางไปมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่เดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ต เข้าพบเเพทย์ที่ รพ.กรุงเทพฯภูเก็ต เพราะอาการมีตุ่มขึ้นตามผิวหนังเมื่อวันที่ 16 ก.ค.65 เเละได้กลับไปยังที่พัก พื้นที่ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ต่อมา รพ.ได้ส่งตัวอย่างเชื้อไปตรวจยืนยันผล เมื่อผลยืนยัน ติดต่อไม่ได้

 

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล ระบุกับสื่อมวลชนว่าได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว ขณะนี้กำลังให้ทางตำรวจตามล่า เพราะมีการหลบหนีจากสถานรักษาพยายาล ถือเป็นพฤติกรรมที่แย่มากยืนยันว่ามีบทลงโทษและจะใช้กฎหมาย ทุกอย่างที่มี รวมทั้งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)โรคติดต่อ และอาจมีการเนรเทศและถูกดำเนินคดี

 

ด้านกระทรวงสาธารณสุข แถลงเพิ่มเติมเช้าวันนี้ว่า พบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 2 ราย เร่งค้นหาผู้สัมผัสอื่นในโรงแรมและสถานบันเทิง

 

โดยได้ทำการค้นหาจากสถานบันเทิง 2 แห่งที่ผู้ป่วยเคยไปใช้บริการรวม 142 คน พบผู้ที่มีอาการไข้ เจ็บคอ จำนวน 6 ราย ในจำนวนนี้ได้รับผลตรวจจากห้องปฏิบัติการแล้ว 4 ราย ยังไม่พบการติดเชื้อฝีดาษวานร

 

ทั้งนี้ได้ให้ผู้ที่สัมผัสเสี่ยงสูงและผู้ที่มีอาการติดตามสังเกตอาหารตัวเอง 21 วัน และอยู่ระหว่างการค้นหาเพิ่มเติม

 

ขณะที่ พล.ต.ต.เสริมพันธ์ ศิริคง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ระบุว่า ได้รับการประสานงานจากสอบสวนโรค เมื่อได้รับแจ้งในวันที่ 18 กรกฎาคม 2565 ได้มีผู้ป่วยรายนี้อยู่ที่ใด ทราบว่าผู้ป่วยรายนี้พักอยู่ที่คอนโดแห่งหนึ่ง จึงได้เข้าไปตรวจสอบ

 

ในครั้งแรกไม่พบชายดังกล่าว จึงได้สอบถามคนในบริเวณนั้น พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าชายดังกล่าวได้ออกจากที่พักไปช่วงเวลา 19.00 น. ของวันที่ 18 กรกฎาคม จากนั้น เจ้าหน้าที่แจ้งว่ากว่าจะไล่กล้องเห็นชายดังกล่าว เวลาได้ล่วงเลยถึงวันที่ 19 กรกฎาคม ก่อนจะทราบว่าได้เดินทางโดยรถแท็กซี่ไปยังสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในป่าตอง

 

จากนั้นในเช้าของวันที่ 19 กรกฎาคม 2565 ได้รับการประสานว่าจะเข้ารับการรักษาตัว จากนั้นในช่วงเย็นของวันเดียวกันได้ประสานกับทีมแพทย์ แต่ไม่มาตามนัดหมาย และไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้นำกำลังตามหาตลอดวันที่ 20 กรกฎาคม 2565

 

กระทั่งเวลา 19.00 น. พบว่า เข้าพักอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง จากนั้นได้สอบถาม พร้อมเช็คกล้องวงจรปิดทราบว่า ชายดังกล่าวพักอยู่กับใคร จากนั้นเวลา 21.05 น. เขาได้คืนกุญแจ และเดินออกจากโรงแรมไปโดยไม่แจ้งว่าต้องการเช็คเอ้าท์

 

เมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า ดูสภาพความเป็นอยู่และพบว่าหายไปกับรถ 1 คัน ซึ่งคาดว่า เขาน่าจะขึ้นรถคันนั้นไป รถขับไปในทาง “กระหลิม กมลา” และเห็นล่าสุดอยู่ที่ อบต.เชิงทะเล คาดว่าจะน่าอยู่ในภูเก็ตหรือออกจากพื้นที่ไปแล้ว แต่อยู่ระหว่างการติดตามอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่ายังไม่ได้ต่อวีซ่า