วุฒิสภา ผ่านฉลุย “ร่างกฎหมายฉีดไข่ให้ฝ่อ” ป้องกันการกระทำผิดซ้ำ เกี่ยวกับเพศหรือการใช้ความรุนแรง หรือที่เรียกว่าร่างพ.ร.บ.มาตรการป้องกันการกระทำผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ… มีจำนวน 43 มาตรา เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
โดยเฉพาะมาตรการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิด จะมีมาตรการทางการแพทย์สามารถให้ยากดฮอร์โมนเพศชาย(ฉีดให้ฝ่อ) แก่ผู้กระทำผิด (มาตรา21) มีส.ว.ให้ความสนใจอภิปรายหลายคน ส่วนใหญ่เห็นด้วยในหลักการ แต่ยังติดใจว่าจะสามารถปฏิบัติได้จริงหรือไม่
มาถึงตรงนี้หลายคนคงสงสัยว่า ฉีดให้ฝ่อกันเลยเหรอ ? นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ ส.ว. อภิปรายว่า การฉีดยาไม่ได้หมายถึงทำให้ไข่ฝ่อ แต่เป็นยาลดฮอร์โมนทางเพศ เพื่อช่วยให้คนที่ไม่ได้อยากทำผิด แต่ควบคุมตัวเองไม่ได้ ซึ่งผู้กระทำความผิดต้องยินยอมให้ฉีดจึงจะทำได้ แล้วจะมีคนยินยอมให้ฉีดหรือไม่นั้น เชื่อว่ามีคนยินยอม โดยคนที่ยินยอมให้ฉีดคือ คนที่ควบคุมตัวเองไม่ได้จะยินยอมให้ฉีด รวมถึงถ้ายินยอมให้ฉีดจะได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษให้เบาลง ทำให้มีโอกาสได้รับความยินยอม
สรุปร่างกฎหมายฉีดไข่ฝ่อให้เข้าใจง่ายๆ
ร่างกฎหมายนี้ใช้บังคับกับการกระทำความผิดอาญาทั้งหมด 3 ประเภท ได้แก่
ร่างกฎหมายฉีดไข่ฝ่อ ป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ 4 มาตรการ
ซึ่งการฉีดไข่ฝ่อจะอยู่ในมาตรการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำความผิด เป็นมาตรการขั้นแรกสุดในการดำเนินการกับผู้ที่มีความเสี่ยงกระทำความผิดซ้ำ โดยในมาตรการแก้ไขฟื้นฟูฯ ก็แยกย่อยมาตรการออกไปอีก คือ มาตรการทางการแพทย์
เเละมาตรการอื่นใด ตามที่รัฐมนตรีตามข้อเสนอของคณะกรรมการป้องกันการทำความผิดซ้ำกำหนด ซึ่งมาตราการนี้ยังคงไม่มีรายละเอียดว่าจะเป็นอย่างไร เสมือนเปิดเอาไว้เพื่อให้รัฐมนตรีกำหนดเนื้อหารายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการแก้ไขฟื้นฟูได้หลังร่างพ.ร.บ.ป้องกันการกระทำความผิดซ้ำฯ ผ่านการพิจารณาโดยฝ่ายนิติบัญญัติและมีผลใช้บังคับแล้ว
ก็มีคำถามจาก พล.อ.ต.เฉลิมชัย เครืองาม ส.ว. อภิปรายว่า “กฎหมายระบุไว้เป็นอย่างอื่น”คืออะไร เพราะเหมือนเขียนแบบตีเช็กเปล่า เปิดช่องให้ผู้กระทำผิดถูกฉีดยา แม้ไม่ยินยอมก็ตาม
ข้อกำหนดการฉีดไข่ฝ่อ
อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายนี้ที่ประชุมฯ วุฒิสภา วานนี้ (11 ก.ค.) ลงมติเห็นชอบด้วยคะแนน 137 เสียง ไม่เห็นด้วย 3 เสียง งดออกเสียง 4 เสียงและหลังที่ประชุมอภิปรายอย่างกว้างขวางพิจารณาครบทั้ง 43 มาตราแล้ว ได้ลงมติวาระ 3 เห็นชอบด้วยคะแนน 145 ไม่เห็นด้วยไม่มี งดออกเสียง 2 เสียง ขั้นตอนต่อไปก็จะต้องส่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป