8 ข้อต้องรู้! นำ 'กัญชา' มาทำอาหาร ใช้ผิดอันตรายถึงชีวิต

15 มิ.ย. 2565 | 05:00 น.

กัญชาเสรี! อันตรายกว่าที่คิด "ดร.เจษฎา" เผย 8 ข้อต้องรู้ การนำกัญชา มาประกอบอาหาร และ เครื่องดื่ม เตือนห้ามใช้ 'ช่อดอกกัญชา' หลังออกฤทธิ์รุนแรง มีผลต่อจิตประสาท อันตรายถึงชีวิต

15 มิถุนายน 2565 - หลังจากวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา ประเทศไทย ปลดล็อกการใช้กัญชา - กัญชง ในหมู่ประชาชน พบกระแสการตื่นตัวทางธุรกิจมากมาย รวมไปถึง การนำกัญชาไปใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารและเครื่องดื่มด้วย อย่างไรก็ตาม ในแง่ลบ เกิดกรณี มีผู้เผลอรับประทานข้าวจากร้านที่มีการผสมกัญชาเข้าไป มีอาการทรมานแพ้หนัก คอบวม กลืนน้ำลายไม่ได้  ส่วนอีกราย มี เด็กชักเข้าโรงพยาบาล หลังจากรับประทานก๋วยเตี๋ยวที่ใส่กัญชาเข้าไป

8 ข้อต้องรู้! นำ 'กัญชา' มาทำอาหาร ใช้ผิดอันตรายถึงชีวิต

ล่าสุด ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ โพสต์แฟนเพจ :  อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ โดยระบุ ถึงอันตรายของการใช้กัญชาที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะการนำกัญชามาปรุงอาหารและเครื่องดื่ม พร้อมยก 8 ข้อแนะนำในการใช้กัญชาที่ถูกต้อง ตามใจความดังนี้ ...
 

ตอนนี้ หลังจากที่กัญชาถูกปลดออกจากรายชื่อสิ่งเสพติดของประเทศไทยไปแล้ว และมีคนนำมาอุปโภคบริโภคกันมากขึ้น โดยเฉพาะในการนำมาประกอบอาหาร จนทำให้เริ่มมีข่าวของผู้ที่รับประทานอาหารที่ใส่กัญชาลงไปแล้วเกิดอาการป่วย ตั้งแต่ไม่มากไปจนถึงกับรุนแรง ตามแต่ระดับการแพ้ของแต่ละคน

 

เลยขอสรุปข้อแนะนำจากทาง ศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด (ศศก.) ที่เกี่ยวข้องกับการนำกัญชามาประกอบอาหารและเครื่องดื่ม ดังต่อไปนี้

 

8 ข้อแนะนำ  นำ 'กัญชา' มาทำอาหาร

  1. ไม่ควรใช้ "ช่อดอกกัญชา" เพราะมีสาร THC ทีเอชซี ที่ฤทธิ์มึนเมาสูง รวมทั้งไม่ควรใส่ส่วนอื่นของกัญชา เช่น กิ่ง ก้าน ลำต้น ราก ลงไปด้วย (ให้ใช้แต่ใบเท่านั้น)
  2. อาหารประเภท ต้ม ผัด แกง ทอด ให้ใช้ใบกัญชาสด ใส่ได้ไม่เกิน 1-2 ใบ/เมนู เพราะถ้าใช้มากเกินไป จะมีผลข้างเคียงหรือนำไปสู่การเสพติดได้
  3. ร้านค้าที่ประกอบอาหาร หรือทำผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนผสมของกัญชา ต้องเขียนบอกผู้บริโภคให้ชัดว่า อาหารนั้นมีกัญชาเป็นส่วนประกอบ เพราะมีหลายคนที่แพ้ และไม่ใช่ว่าทุกคนจะชอบรสชาติของกัญชา 
  4. ห้ามไปโฆษณาประชาสัมพันธ์ ว่าอาหารที่ใส่กัญชานั้น มีสรรพคุณรักษาหรือป้องกันโรคได้ ถ้าไม่ได้อยู่ในความดูแลของแพทย์ที่รักษาโรคด้วยกัญชา
  5. เด็ก เยาวชน คนที่อายุต่ำกว่า 25 ปี สตรีมีครรภ์และให้นมลูก ไม่ควรกินอาหารที่มีส่วนผสมกัญชา เพราะเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายต่อสุขภาพ
  6. คนที่แพ้สาร THC หรือแม้แต่สาร CBD ซีบีดี หรือสารอื่นๆ ในกัญชา จะต้องไม่บริโภคกัญชา เพราะอาจจะเสี่ยงอันตรายจนถึงแก่ชีวิตได้
  7. คนที่บริโภคกัญชาไปแล้ว ไม่ควรขับขี่รถ หรือทำงานกับเครื่องจักรกล เพราะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเช่นกัน 
  8. หากจำเป็นต้องกินหรือใช้กัญชา ควรจะต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

 

ข้อแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้กัญชา

  • หลีกเลี่ยงการใช้กัญชาในรูปแบบ “สูบ” เพราะควันจากกัญชาเป็นอันตรายกับปอดและระบบทางเดินหายใจ
  • หลีกเลี่ยงการใช้ "ช่อดอก" กัญชา เพราะมีสาร delta-9
  • THC ความเข้มข้นสูง ทำให้เกิดพิษต่อสมอง จิตประสาท ระบบการเคลื่อนไหว และทำให้เกิดการ “ดื้อต่อสาร” หรืออาการเสพติดได้
  • คนที่มีโรคประจำตัวทางกายและใจ ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนใช้กัญชา เพราะอาจกระตุ้นทำให้โรคมีอาการมากขึ้น หรือไปทำอันตรกิริยากับยารักษาโรคที่ใช้อยู่ จนกระทบกับการรักษาได้
  • หากต้องการครอบครอง เช่น ปลูก ขาย หรือไว้ใช้ในครัวเรือน ควรจดแจ้งให้ถูกต้อง และเก็บต้นกัญชาให้พ้นสายตาคน โดยเฉพาะเด็ก-เยาวชน 
  • ให้ครู ผู้ปกครอง ทำความเข้าใจกับเด็กและเยาวชน ถึงผลกระทบจาก “กัญชา” ด้วยเหตุด้วยผล ไม่ใช้อารมณ์ เพราะจะยิ่งกระตุ้นให้อยากลองใช้ 
  • งานวิจัยพบว่า กัญชามีผลกระทบกับสมอง ทำให้เด็ก-เยาวชน มีความสามารถทางสติปัญญา (IQ) และความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ลดลง โดยมักเกิดจากการใช้ในรูปแบบสูบ หรือใส่ผสมอาหารเป็นปริมาณมากเกิน
  • กัญชา มีผลกระทบระยะสั้น เช่น มึนเมา ใจเต้นแรง ความดันต่ำหรือสูงเกินไป อารมณ์แปรปรวน คลื่นไส้ อาเจียนฯ 
  • กัญชา มีผลกระทบระยะยาว เช่น หากใช้เกิน 2-3 ปีขึ้นไป เพิ่มความเสี่ยงให้เป็นโรคจิตเภท สมาธิสั้น ความคิด ความจำแย่ลงฯ 
  • สารทีเอชซี THC (Tetrahydrocannabinol) เป็นสารเสพติด มีฤทธิ์ต่อจิตประสาท หากไม่ควบคุม จะทำให้อยากใช้มากขึ้น 

8 ข้อต้องรู้! นำ 'กัญชา' มาทำอาหาร ใช้ผิดอันตรายถึงชีวิต

ทั้งนี้ ดร.เจษฎา ยังระบุว่า องค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันพบว่าใน ใบสด ของกัญชา จะพบสาร cannabidiolic acid (CBDA) และ Tetrahydrocannabinolic acid (THCA) ซึ่งไม่มีฤทธิ์ต่อจิตและประสาท (ไม่เมา)แต่เมื่อถูกแสงและความร้อน ทั้งจากการปรุงและเก็บรักษา จะเกิดกระบวนการเปลี่ยนแปลง (decarboxylation)โดยสาร THCA จะถูกเปลี่ยนเป็นสาร THC (ที่ทำให้เมา)

 

มีการศึกษาพบว่าหากใช้ความร้อน 100 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 3 ชั่วโมง หรือ 98 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 4 ชั่วโมง หรือ 160 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 10 นาที หรือ 200 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 1-2 วินาที สาร THCA จะถูกเปลี่ยนเป็นเป็นสาร THC อย่างสมบูรณ์ การสูบกัญชาจะทำให้สาร THCA จะถูกเปลี่ยนเป็นสาร THC ประมาณ 95% ใบกัญชาแห้งที่ถูกเก็บไว้ สาร THCA จะถูกเปลี่ยนเป็นสาร THC อย่างช้าๆ

 

ที่มา :  ศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด (ศศก.)