ไทยเตรียมทวงคืน “โบราณวัตถุ” อีกชิ้น ต่อเนื่องจากครอบพระเศียรทองคำ

04 มิ.ย. 2565 | 05:44 น.

ไทยเตรียมทวงคืน “โบราณวัตถุ” อีกชิ้น หลังจากทวง “ครอบพระเศียรทองคำ” คืนกลับมาสู่แผ่นดินไทยสำเร็จ โดยนายกรัฐมนตรีชื่นชม และขอบคุณทุกภาคส่วน พร้อมสั่งขยายผล ล่าสุดมีแนวโน้มอาจได้โบราณวัตถุกลับคืนอีกชิ้น จะเป็นอะไรต้องติดตาม

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังจากประเทศไทยได้รับมอบโบราณวัตถุล้ำค่า คือ ครอบพระเศียรทองคำ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา กลับสู่ประเทศไทยได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รัฐบาลยังเตรียมที่จะขยายผลการทวงคืนไปยังประเทศอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง

 

ทั้งนี้เมื่อปี 2564 รัฐบาลสามารถติดตามโบราณวัตถุกลับไทยแล้ว ได้แก่ ทับหลังปราสาทหนองหงส์ จังหวัดบุรีรัมย์ และทับหลังปราสาทเขาโล้น จังหวัดสระแก้ว ที่ถูกขโมยไปนานเกือบ 60 ปี 

 

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

 

ล่าสุดคือ ครอบพระเศียรทองคำ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลาโหม ชื่นชมและขอบคุณผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ได้ช่วยกันทุ่มเททำงานอย่างหนัก พร้อมกับกล่าวขอบคุณสหรัฐอเมริกาที่ให้ความร่วมมือ จนสามารถส่งมอบกลับสู่ประเทศไทย

สำหรับ ครอบพระเศียรทองคำ เป็นเครื่องประดับพระเศียรพระพุทธรูปทำจากทองคำ 95 % ประกอบด้วยส่วนครอบพระเศียรกว้าง-ยาว 14 x 17.6 ซม. หนัก 12.7 กรัม และส่วนพระรัศมีสูง 12.7 ซม. เส้นผ่าศูนย์กลาง 4 ซม. หนัก 29.9 กรัม ใช้เทคนิคดุนทองและตีทอง 

 

เบื้องต้นสันนิษฐานว่า เป็นโบราณวัตถุศิลปะล้านนา อายุราวพุทธศตวรรษที่ 20-21  ขณะนี้ กรมศิลปากรได้เก็บรักษาไว้ที่คลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เพื่อการศึกษาและจะนำจัดแสดงในนิทรรศการต่อไป 

 

ครอบพระเศียรทองคำ โบราณวัตถุศิลปะล้านนา

 

นอกจากนี้ ยังมีความคืบหน้าเกี่ยวกับประติมากรรมสำริด โบราณคดีประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ที่ถูกจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งเดนเวอร์ ซึ่งมีแนวโน้มอาจได้กลับคืนประเทศไทยในลำดับถัดไป

 

อย่างไรก็ตาม ไทยต้องให้ทางสำนักงานสืบสวนเพื่อความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ สหรัฐอเมริกา ดำเนินการตามกฎหมายก่อน  

น.ส.รัชดา กล่าวต่อว่า ปัจจุบันยังมีโบราณวัตถุของไทยที่ถูกนำออกนอกประเทศเป็นจำนวนมากทั้งที่จัดแสดงและเก็บรักษาภายในพิพิธภัณฑ์ในต่างประเทศ อยู่ในความครอบครองของเอกชน หรือมูลนิธิเอกชน สถาบัน การศึกษา หรือซื้อขายผ่านสถาบันการประมูลโบราณวัตถุและศิลปวัตถุ เป็นต้น 

 

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้คณะทำงานขยายผลการทวงคืนไปยังประเทศอื่นๆ ที่มีข้อมูล รวมถึงในยุโรป โดยประสานงานผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อติดตามโบราณวัตถุของไทยที่อยู่ในต่างประเทศให้กลับมาเป็นสมบัติและมรดกวัฒนธรรมของชาติ