โควิดวันนี้ตายจริงเท่าไหร่ จะเป็นโรคประจำถิ่นได้ตอนไหน เช็คเลยที่นี่

โควิดวันนี้ยังคงเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากประชาชน ทั้งจำนวนของผู้ติดเชื้อในแต่ละวัน โดยเฉพาะจำนวนผู้เสียชีวิตที่แท้จริง 

 

นายสันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง โพสข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว (Sunt Srianthumrong) โดยมีข้อความว่า

 

Covid-19 (โควิด-19) : อัตราการเสียชีวิตที่แท้จริงจาก Omicron (โอมิครอน) ช่วงเดือนพ.ค. ข่าวดีก่อนเปิดประเทศเต็มรูปแบบ เข้าโค้งสุดท้ายสู่ Endemic  (โรคประจำถิ่น)

 

อัตราการเสียชีวิตของ Omicron Wave ที่ประกาศโดย ศบค.นั้นปัจจุบันอยู่ที่ 0.37% ซึ่งสูงมากเกินจริงเพราะคิดทั้งเวฟตั้งแต่ก่อนฉีด Booster และนับผู้ติดเชื้อมาไม่ครบ ตกหล่นไปเยอะ ทำให้เป้าหมายต่ำกว่า 0.1% นั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย และนั่นคือปัญหาทางตัวเลขที่น่าปวดหัวที่สุดของรัฐบาล 

 

แต่ข่าวดีก็คือ 0.37% นั่นไม่ใช่ความจริงในปัจจุบัน  ซึ่งผมจะพิสูจน์ให้ทราบจากข้อมูลที่พอหาได้

ผมทำข้อมูลมา 10 จังหวัดที่พอหาได้ โดยนำตัวเลขผู้ติดเชื้อทั้ง PCR, ATK และผู้เสียชีวิตที่ประกาศโดยแต่ละจังหวัดมาคำนวณหาอัตราการเสียชีวิต 3 แบบ

 

• 19-day-lag Weekly Death Rate คือ เปอร์เซ็นต์ผู้เสียชีวิตเทียบกับผู้ติดเชื้อรวม PCR+ATK ของเมื่อ 19 วันที่แล้ว เนื่องจากกราฟผู้เสียชีวิตจะล้าหลังกราฟผู้ติดเชื้อ 19 วันโดยเฉลี่ยทั่วโลก 

 

• Spot Weekly Death Rate คือ เปอร์เซ็นต์ผู้เสียชีวิตเทียบกับผู้ติดเชื้อรวม PCR+ATK ของสัปดาห์ล่าสุด

 

• อัตราการเสียชีวิตเฉลี่ย 4 สัปดาห์ในเดือนพ.ค. 2022 อัตราการเสียชีวิตที่น่าจะตรงความจริงที่สุดในความเห็นผมคือ แบบที่ 1 คือ 19-day-lag Weekly Death Rate ซึ่งตัวเลขที่ออกมาถือเป็นข่าวดีของประเทศไทยแล้ว 

 

ผมแนบรายละเอียดตารางตัวเลขในรูปไว้ให้พิจารณด้วย 

 

 

ผลลัพธ์ของทั้ง 10 จังหวัด ถึงวันที่ 30 พ.ค. โดยสรุปจะได้ตามนี้ 

 

1.  ชลบุรี: เข็ม1 87% เข็ม3 48%

 

• 19-day-lag Weekly Death Rate = 0.04%
• Spot Weekly Death Rate = 0.07%
• อัตราการเสียชีวิตเฉลี่ย 4 สัปดาห์ = 0.09%

2.  อยุธยา: เข็ม1 79% เข็ม3 55% 

 

• 19-day-lag Weekly Death Rate = 0.04%
• Spot Weekly Death Rate = 0.06%
• อัตราการเสียชีวิตเฉลี่ย 4 สัปดาห์ = 0.07%

 

3.  เชียงใหม่: เข็ม1 80% เข็ม3 38%

 

• 19-day-lag Weekly Death Rate = 0.04%
• Spot Weekly Death Rate = 0.08%
• อัตราการเสียชีวิตเฉลี่ย 4 สัปดาห์ = 0.14%

 

4.  เชียงราย: เข็ม1 72% เข็ม3 32%

 

• 19-day-lag Weekly Death Rate = 0.05%
• Spot Weekly Death Rate = 0.08%
• อัตราการเสียชีวิตเฉลี่ย 4 สัปดาห์ = 0.11%

 

5.  อุบลราชธานี: เข็ม1 76% เข็ม3 28% 

 

• 19-day-lag Weekly Death Rate = 0.06%
• Spot Weekly Death Rate = 0.03%
• อัตราการเสียชีวิตเฉลี่ย 4 สัปดาห์ = 0.08% 

 

6.  ขอนแก่น: เข็ม1 76% เข็ม3 33%

 

• 19-day-lag Weekly Death Rate = 0.08%
• Spot Weekly Death Rate = 0.12%
• อัตราการเสียชีวิตเฉลี่ย 4 สัปดาห์ = 0.11%

 

7.  อุทัยธานี: เข็ม1 74% เข็ม3 33%

 

• 19-day-lag Weekly Death Rate = 0.10%
• Spot Weekly Death Rate = 0.11%
• อัตราการเสียชีวิตเฉลี่ย 4 สัปดาห์ = 0.28%

 

8.  โคราช: เข็ม1 73% เข็ม3 34%

 

• 19-day-lag Weekly Death Rate = 0.13%
• Spot Weekly Death Rate = 0.17%
• อัตราการเสียชีวิตเฉลี่ย 4 สัปดาห์ = 0.21%

 

9.  ระยอง: เข็ม1 90% เข็ม3 52%

 

• 19-day-lag Weekly Death Rate = 0.25%
• Spot Weekly Death Rate = 0.34%
• อัตราการเสียชีวิตเฉลี่ย 4 สัปดาห์ = 0.34%

 

10.  ภูเก็ต: เข็ม1 95% เข็ม3 84%

 

• 19-day-lag Weekly Death Rate = 0.25%
• Spot Weekly Death Rate = 0.42%
• อัตราการเสียชีวิตเฉลี่ย 4 สัปดาห์ = 0.26%

 

 

ค่าเฉลี่ยของ 10 จังหวัด: 

 

ประชากรรวม 13,204,772 คน

 

ติดเชื้อใหม่รวม PCR+ATK เฉลี่ย 9,345 คนต่อวัน

 

เสียชีวิตรวม 8 คนต่อวัน

 

อัตราการเสียชีวิต 

 

• 19-day-lag Weekly Death Rate เฉลี่ย 0.07% 
• Spot Weekly Death Rate = 0.08%
• อัตราการเสียชีวิตเฉลี่ย 4 สัปดาห์ = 0.13%

 

บทสรุป: ข่าวดี

 

จากจังหวัดตัวแทนที่เชื่อได้ว่าขยันตรวจหาเชื้ออย่างมากเช่น ชลบุรี อยุธยา เชียงใหม่ เชียงราย อัตราการเสียชีวิตได้ลดต่ำลงไปถึง 0.05% แล้ว โดยที่แม้จะฉีด Booster ไปได้แค่ 30% นั่นคือถ้าอัด Booster ได้ถึง 60% อัตราการเสียชีวิตมีโอกาสจะลดลงอีกจนแตะระดับ 0.02 - 0.03% 

 

ค่าเฉลี่ย 10 จังหวัดที่ประชากรรวม 13.2 ล้านคน ก็มีอัตราการเสียชีวิดเหลือ 0.07% ลงต่ำกว่า 0.1% ไปแล้ว และเชื่อได้ว่าถ้าตรวจหาเชื้อมากกว่านี้น่าจะได้อัตราการเสียชีวิตต่ำระดับ 0.05% เช่นกัน โดยเฉพาะจังหวัดที่%วัคซีนสูงมาก ตัวเลขไม่ควรแย่กว่าจังหวัดที่วัคซีนน้อยกว่า 

 

มองโค้งสุดท้าย Endemic: 

 

ผมคิดว่าเงื่อนไข Endemic <0.1% นั้นเราเข้าเป้าไปแล้วโดยที่ระดับวัคซีน Booster 40% เฉลี่ยทั่งประเทศ และคงดีขึ้นเรื่อยๆ ที่เหลือก็คือ รัฐบาลต้องรวมตัวเลขผู้ติดเชื้อที่แท้จริงให้สำเร็จและนำมาใช้คำนวณ ก็จะน่าจะได้ตัวเลขใกล้เคียงกันแล้วก็สามารถนำมาเป็นเงื่อนไข Endemic ได้

 

ที่เหลือก็ลุ้นจำนวนผู้ติดเชื้อซึ่งตอนนี้มีอัตราการลดลงเหลือ 1/10 เท่าทุกๆ 50 วัน นั่นคือช่วง 1 ส.ค. 2022 เราจะ Endemic ได้แน่นอน ที่อัตราการเสียชีวิตระดับ <0.05%

 

และผู้ติดเชื้อใหม่จริงต่อวันประมาณ 5,000 คนต่อวัน และมีผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจต่ำกว่า 100 คน ถ้าไม่มีอะไรผลิกผันเช่นซูเปอร์ไวรัสตัวใหม่ 2 เดือนนี้คือโค้งสุดท้ายแล้ว และจะจบจริงๆ จบสำหรับทุกๆคน