นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์แต่กำเนิด (Congenital Hypothyroidism) และภาวะพร่องเอนไซม์ย่อยสลายกรดอะมิโนฟีนิลอะลานีน ที่เรียกว่า โรคพีเคยู หรือฟีนิลคีโตนูเรีย (Phenylketonuria) ในเด็กแรกเกิด เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความพิการทางสมองและภาวะปัญญาอ่อนตามมาได้
ภายใต้กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ รายการสิทธิประโยชน์สร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคจึงกำหนดให้มีบริการตรวจคัดกรองภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์แต่กำเนิดและโรคพีเคยูสำหรับเด็กไทยแรกเกิดทุกคน ซึ่งหน่วยบริการจะทำการเจาะเลือดเด็กแรกเกิดที่มีอายุตั้งแต่ 48 ชั่วโมงหรือ 2 วัน ที่บริเวณส้นเท้าหรือหลังมือใส่กระดาษซับและจัดส่งให้หน่วยบริการที่ตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อทำการตรวจ หากผลตรวจคัดกรองผิดปกติหน่วยบริการที่ตรวจจะแจ้งรายชื่อเด็กโดยด่วนไปยังหน่วยบริการที่เจาะเลือดเพื่อการดูแลต่อไป
ทั้งนี้ เพื่อให้เด็กที่มีผลการคัดกรองผิดปกติได้รับบริการอย่างครอบคลุมยิ่งขึ้น ในปีงบประมาณ 2565 นี้ สปสช.ได้สนับสนุนให้มีค่าใช้จ่ายเป็นการเฉพาะ
สำหรับการตรวจและติดตามเพื่อตรวจยืนยัน
หลักเกณฑ์การให้บริการ
ซึ่งค่าใช้จ่ายสำหรับบริการคัดกรองภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์แต่กำเนิดและโรคพีเคยูนั้น คณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนได้กำหนดให้เป็นหนึ่งใน 9 รายการ บริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคที่ให้เบิกจ่ายตามรายการบริการที่กำหนดราคา หรือ Fee schedule
โดยกำหนดอัตราค่าบริการตรวจคัดกรองภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์แต่กำเนิดและโรคพีเคยู 135 บาท/ครั้ง และค่าบริการตรวจและการติดตามเพื่อยืนยันในรายภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ที่ผิดปกติ 350 บาท/ราย เพื่อให้เด็กแรกเกิดเข้าถึงบริการเพิ่มมากขึ้น
“เด็กไทยเป็นอนาคตของประเทศ สปสช.จึงให้ความสำคัญต่อการดูแลสุขภาพเด็กไทยทุกคน โดยเฉพาะในด้านสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเพื่อการมีสุขภาพและพัฒนาการที่ดี โดยภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์แต่กำเนิดและโรคพีเคยู เป็นโรคที่ต้องให้บริการคัดกรองโดยเร็ว นำไปสู่การป้องกันและรักษาอย่างทันท่วงที เพื่อไม่ให้เด็กเกิดภาวะพิการทางสมองและปัญญาอ่อนตามมา” เลขาธิการ สปสช. กล่าว
สอบถามเพิ่มเติมการใช้สิทธิบัตรทอง ได้ที่