เล่นน้ำสงกรานต์ หน้ากากเปียก อันตรายป่าว ต้องเปลี่ยนเลยมั้ย?

14 เม.ย. 2565 | 10:54 น.

กรมอนามัยออกโรงเตือน เที่ยวสงกรานต์เล่นน้ำ ต้องสวมหน้ากากอนามัย และถ้าหน้ากากเปียก-ฉีก ต้องเปลี่ยนใหม่ทันที

เทศกาลสงกรานต์ 2565 แม้จะมี การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในหลายพื้นที่แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งนักท่องเที่ยวที่อัดอั้นมานาน ซึ่งปรากฏว่า มีหลายพื้นที่ ยังคงเล่นน้ำฉลองสงกรานต์แบบเต็มเหนี่ยว ไม่เพียง ฝ่าฝืนคำสั่งของศบค. ที่ห้ามเล่นสาดน้ำสงกรานต์ แต่ยังเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการติดหรือแพร่โรคระบาดของตัวผู้เล่นสาดน้ำเอง นอกจากนี้ ข้อมูลที่สำคัญของกรมอนามัย ยังพบว่านักท่องเที่ยวหลายคนละเลยไม่สวมใส่หน้ากากอนามัย ขณะที่เล่นน้ำสงกรานต์ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อสถานการณ์ของโควิด-19 ที่ยังระบาดอยู่

 

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยวันนี้ (14 เม.ย.) ว่า ต้องขอเน้นย้ำว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ให้ทุกคนสวมหน้ากากให้ถูกต้องตลอดเวลา และต้องสวมให้ถูกวิธี

 

“ที่สำคัญในช่วงเทศกาลสงกรานต์ หน้ากากอาจมีรอยเปื้อนเปียกชื้น ฉีกขาด จากการโดนน้ำ ผู้สวมควรทิ้งและเปลี่ยนใหม่ทันที”

ถ้าเล่นสาดน้ำสงกรานต์แล้วหน้ากากอนามัยเปียก-ชื้น-ฉีกขาด ควรเปลี่ยนใหม่ทันที

อธิบดีกรมอนามัยยังย้ำว่า  ประชาชนควรปฏิบัติตามหลัก UP (Universal Prevention) ในสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเคร่งครัดควบคู่กันไป ซึ่งหมายถึงการ...

  • เว้นระยะห่างอย่างน้อย 1-2 เมตร
  • หลีกเลี่ยงการเข้าไปยังสถานที่แออัดหรือมีการระบายอากาศไม่ดี
  • งดใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน
  • หมั่นล้างมือ
  • และตรวจตนเองเบื้องต้นด้วย ATK เมื่อสงสัยว่ามีอาการหรือความเสี่ยง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันโควิดให้มากขึ้น

 

กรมอนามัยยังพบว่า ผลอนามัยโพลที่สังเกตพฤติกรรมการสวมหน้ากากอนามัย และการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคในสถานที่ท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1- 11 เมษายน 2565 พบว่า

  • เห็นทุกคนสวมถูกต้องร้อยละ 78
  • เห็นคนสวมหน้ากากไม่ถูกต้องหรือไม่สวมร้อยละ 22

ประกาศๆ เล่นน้ำสงกรานต์ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้วยนะจ๊ะ

ส่วน การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคของสถานที่ท่องเที่ยว พบว่า มีการกำหนดจุดเข้า-ออก และวัดอุณหภูมิก่อนเข้า ร้อยละ 74 , มีการกำกับการสวมหน้ากากตลอดเวลาและสวมถูกต้อง และมีจุดบริการล้างมือด้วยสบู่และน้ำหรือแอลกอฮอล์อย่างเพียงพอ ร้อยละ 62

 

สำหรับประเด็น ความความเสี่ยงในสถานที่ท่องเที่ยว พบว่า

  • นักท่องเที่ยวหนาแน่นและแออัด ไม่เว้นระยะห่าง ร้อยละ 64
  • มีสถานที่ ห้องน้ำ ห้องส้วมไม่สะอาด มีกลิ่นเหม็น ร้อยละ 33
  • และมีการระบายอากาศไม่ดี ไม่มีอากาศถ่ายเท รวมทั้งมีกิจกรรมที่ทำให้เกิดการรวมกลุ่มร้อยละ 32