เปิดประวัติ "วรพจน์ วิศรุตพิชญ์" ว่าที่ประธานศาลปกครองสูงสุดคนใหม่ 

31 มี.ค. 2565 | 10:09 น.

เปิดประวัตินายวรพจน์ วิศรุตพิชญ์ ว่าที่ประธานศาลปกครองสูงสุดคนใหม่ ซึ่งจะดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2565 เป็นต้นไป

คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) มีมติเป็นเอกฉันท์ เลือก นายวรพจน์ วิศรุตพิชญ์ เป็น ประธานศาลปกครองสูงสุดคนใหม่ 

 

สืบเนื่องจากนายชาญชัย แสวงศักดิ์ ประธานศาลปกครองสูงสุด คนปัจจุบัน ซึ่งมีอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์และจะต้องพ้นจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2565 ตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (3) ประกอบมาตรา 31 วรรคสาม แห่ง พรบ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 นั้น คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) จึงได้มีมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์คัดเลือก นายวรพจน์ วิศรุตพิชญ์ รองประธานศาลปกครองสูงสุด ให้ดำรงตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2565 เป็นต้นไป

 

วันนี้ (31 มี.ค.) สำนักงานศาลปกครองจึงได้มีหนังสือแจ้งไปยังนายกรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอชื่อ นายวรพจน์ วิศรุตพิชญ์ ขอความเห็นชอบต่อวุฒิสภาแล้ว และเมื่อได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา นายกรัฐมนตรีจึงจะนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป

สำหรับประวัติการศึกษาและการทำงานของนายวรพจน์ วิศรุตพิชญ์ นั้น มีดังนี้ 

ประวัติการศึกษา

นายวรพจน์ วิศรุตพิชญ์ จบการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับสอง) จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เนติบัณฑิตไทย จากสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา ประกาศนียบัตรชั้นสูงทางกฎหมายมหาชน (Diplôme d'études approfondies (DEA) en droit public) จาก Université de Strasbourg III สาธารณรัฐฝรั่งเศส และปริญญาเอกทางกฎหมาย (Doctorat en droit) สาขากฎหมายมหาชน จาก Université des Sciences sociales Toulouse I สาธารณรัฐฝรั่งเศส

 

ประวัติการรับราชการ

  • พ.ศ. 2519-2544 อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
  • พ.ศ. 2544-2548 อธิบดีศาลปกครองกลาง
  • พ.ศ. 2549-2553 ตุลาการศาลปกครองสูงสุด
  • พ.ศ. 2553-2558 ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด
  • พ.ศ. 2558-2559 ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองสูงสุด
  • พ.ศ. 2559- ปัจจุบัน รองประธานศาลปกครองสูงสุด

นอกจากนี้ ยังมีตำแหน่งทางวิชาการ เป็นศาสตราจารย์พิเศษ สาขาวิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

 

ทั้งนี้ นายวรพจน์ฯ ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก และยังได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ l’Ordre national du Mérite ชั้น Chevalier จากสาธารณรัฐฝรั่งเศสด้วย