"ดร.เอ้"อาลัยหลวงปู่ “ติช นัท ฮันห์”ผู้มอบอำนาจที่แท้จริงแก่ชาวโลกทั้งมวล

ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ในหัวเรื่อง “อาลัยหลวงปู่ ติช นัท ฮันห์ ผู้มอบอำนาจที่แท้จริงแก่ชาวโลกทั้งมวล” ระบุว่า

 

พระอาจารย์หลวงปู่ ละสังขารแล้ว ด้วยวัย 95 ปี แต่คำสอนอันเป็นสัจธรรม ยังคงไว้เป็นมรดกให้ชาวโลก ตลอดกาล

หลายคนไม่รู้จักหลวงปู่ ท่านเป็นพระนิกายเซน (มหายาน) ชาวเวียดนาม ผู้ลี้ภัยในฝรั่งเศส ท่านเป็นกวี พระนักสอน โดดเด่นมากเรื่อง สันติภาพ และการรู้ตื่นกับปัจจุบัน

 

ผมศรัทธาคำสอนของท่านมาก เมื่อปลายปี 2564 ยังกราบเรียน พระอาจารย์ท่านเจ้าคุณ ว. วชิรเมธี ในโครงการพัฒนาพระนักปราชญ์ ของท่านว่า หนังสือที่ควรอ่านที่สุด คือ The Art of Power ศิลปะแห่งอำนาจ ของหลวงปู่ ติช นัท ฮันห์ เล่มนี้คุณจิตร์ ตัณฑเสถียร แปลไว้ดีเหลือเกิน

และ ผมก็สัญญาไว้กับ FC จะเล่าสรุปหนังสือดี ช่วงอยู่กับบ้าน วันนี้ขอพูดถึง หนังสือที่ดีที่สุดเล่มนี้ นะครับ

 

แค่ชื่อหนังสือ อาจทำให้ตีความไปเองว่า คงเป็นเรื่อง การได้มาซึ่งอำนาจ วาสนา ความสำเร็จ ลาภ ยศ สรรเสริญ แต่ตรงกันข้าม หลวงปู่ได้ชี้ทางแห่งอำนาจที่มีพลัง ยั่งยืนมากกว่านั้น และมนุษย์ทุกคนมีอยู่ที่ตัวเองแล้ว 

 

คำถาม: คนเราแสวงหาอำนาจ ลาภ ยศ สรรเสริญ เพื่ออะไร? 

 

ตอบแบบพื้นๆ: ท่านอาจคิดว่า ได้มาเพื่อจะได้ความสุข ความสบาย

 

หลวงปู่ ติงให้คิด ทบทวนว่า จริงหรือ? ที่อำนาจแบบนั้น ทำให้เราสุขสบาย อย่างแท้จริง...

 

ไม่ใช่! เพราะอำนาจเหล่านั่น อาจมีทุกข์มากกว่าสุข และไม่เคยจีรังยั่งยืน

 

แต่อำนาจที่ให้ความสุขสบาย ให้อิสระที่แท้จริง คือ อำนาจแห่งศรัทธา ความเพียร สติ สมาธิ และปัญญา 

 

อำนาจแห่งศรัทธา คือ ความมั่นใจ ความไว้ใจ ความเชื่อที่ดี ทำให้เราสุขได้ทุกวัน แม้จะต้องเดินในเส้นทางแห่งอุปสรรค และความยากลำบาก

 

อำนาจแห่งความเพียร คือ การฝึกฝน ฝึกหัด  เรื่องจิตใจ รู้ครับไม่ง่าย ที่จะปล่อยวาง คลายความทุกข์ที่แบกไว้ ด้วยความขยัน เราทำได้ 

 

อำนาจแห่งสติ คือ ที่สุดของอำนาจ สูญเสียสติ สูญเสียทุกอย่าง การอยู่กับปัจจุบันขณะ คือความสุข อย่าไปกังวลกับเรื่องอนาคต ที่ยังไม่เกิด ทุกข์ฟรี

 

อำนาจแห่งสมาธิ คือ เมื่อมีอำนาจสติ สมาธิจึงเกิด อำนาจสมาธิ อำนาจวิเศษ ทำให้เราเบิกตาทิพย์ มองโลกธรรมชาติอย่างลึกซึ้งได้ และรู้ว่าทุกสิ่งอย่างเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา 

 

และ อำนาจแห่งปัญญา คือ ดาบทำลายความทุกข์ทุกชนิด ทั้งความกลัว ความท้อแท้สิ้นหวัง ความโกรธ และความแบ่งแยกตัดสิน เพราะอำนาจปัญญาสร้างความเข้าใจ ไม่เผลอไปทุกข์ฟรี และได้สัมผัสความจริงอย่างลึกซึ้ง เกิดสุขได้ทุกวัน ได้ทุกเหตุการณ์

 

ถึงทุกท่าน FC ที่รักของผมทุกท่าน เล่าหนังสือให้ฟังคล้ายบทเทศนา แต่แก่นของหนังสือคือเช่นนี้ จึงอยากให้ลองหาอ่านละเอียด หลวงปู่ยกตัวอย่างดีๆ ไว้มากมาย เข้าใจง่ายๆ

 

ขอไว้อาลัยพระอาจารย์หลวงปู่ ติช นัท ฮันห์ ด้วยความรัก และความศรัทธา

                                    

 

ก่อนหน้านี้ สำนักปฏิบัติหมู่บ้านพลัมประกาศว่า ติช นัท ฮันห์ ภิกษุชาวเวียดนามมรณภาพแล้วด้วยวัย 95 ปี 
ติช นัท ฮันห์ เป็นภิกษุชาวเวียดนาม นิกายมหายาน เกิดเมื่อปี 1926 บวชเป็นสามเณรเมื่ออายุ 16 ปี ที่วัดตื่อฮิ้ว เมืองเว้ ตอนกลางของประเทศเวียดนาม ต่อมาอุปสมบทเป็นพระเมื่ออายุ 23 ปีและเดินทางไปยังไซ่ง่อน เวียดนามใต้ ระหว่างนี้เองได้เขียนบทความเกี่ยวกับพุทธศาสนาและถูกต่อต้านจากผู้นำองค์กรชาวพุทธในเวียดนาม 

 

ช่วงต้นทศวรรษ 1960 ติช นัท ฮันห์เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยพรินซ์ตันและได้เป็นอาจารย์ในภายหลัง และยังเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา แล้วจึงเดินทางกลับเวียดนามในปี 1963 เพื่อเข้าร่วมการต่อต้านสงครามสหรัฐอเมริกา-เวียดนาม และพยายามเรียกร้องให้ผู้นำชาติตะวันตกยุติสงครามเวียดนาม 

 

รวมทั้งเป็นตัวแทนชาวพุทธเข้าร่วมการเจรจาสันติภาพเพื่อนำไปสู่สนธิสัญญาสันติภาพกรุงปารีส (Paris Peace Accords) 1973 ก่อนที่จะถูกรัฐบาลเวียดนามใต้ปฏิเสธการเข้าประเทศ จนทำให้ต้องลี้ภัยอยู่นอกเวียดนามนาน 39 ปี
ติช นัท ฮันห์เดินทางเผยแพร่แนวคิดในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ก่อนที่จะก่อตั้งชุมชนผู้ปฏิบัติธรรม ‘หมู่บ้านพลัม’ ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส งานเขียนและคำสอนมีอิทธิพลต่อพุทธศาสนาในโลกตะวันตกอย่างยิ่ง

 

ติช นัท ฮันห์ มีผลงานเขียนมากมาย ตัวอย่างหนังสือขายดีทั่วโลกคือ สันติภาพทุกอย่างก้าว (Peace Is Every Step: The Path of Mindfulness in Everyday Life) และปาฏิหาริย์แห่งการตื่นอยู่เสมอ (The Miracle of Mindfulness) มีการก่อตั้งสำนักปฏิบัติธรรมตามแนวทางของติช นัท ฮันห์ในหลายประเทศ รวมทั้งไทยด้วย

 

ปี 2014 ติช นัท ฮันห์เผชิญภาวะเส้นเลือดในสมองแตกระหว่างอยู่ที่หมู่บ้านพลัม ประเทศฝรั่งเศส ทำให้ไม่สามารถพูดได้ ก่อนที่จะใช้เวลาระยะสุดท้ายของชีวิตที่วัดตื่อฮิ้ว เว้