กรมควบคุมโรคส่ง จนท.ลงพื้นที่ตรวจสอบผู้ป่วยอาหารเป็นพิษสูงผิดปกติ

02 ม.ค. 2565 | 13:07 น.

กรมควบคุมโรค ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่จันทบุรี สอบสวนโรค หลังพบผู้ป่วยอาหารเป็นพิษสูงขึ้นผิดปกติ คาดเกิดจากการรับประทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส

หลังจากที่มีรายงานข่าวว่า พบผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษเพิ่มสูงขึ้นในพื้นที่จ.จันทบุรี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรคเปิดเผยว่า กรมควบคุมโรคมอบหมายให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จ.ชลบุรี (สคร.6 ชลบุรี) ลงพื้นที่สอบสวนโรค เพื่อสนับสนุนสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี และหน่วยงานในพื้นที่ 

กรมควบคุมโรคส่ง จนท.ลงพื้นที่ตรวจสอบผู้ป่วยอาหารเป็นพิษสูงผิดปกติ

 

จากรายงานในเบื้องต้นพบว่า เมื่อเทียบกับ 5 ปีย้อนหลัง ในช่วงเวลาเดียวกันของแต่ละปี มีเพียง อ.เมือง ซึ่งเป็นเขตที่มีผู้คนอาศัยหนาแน่นเท่านั้นที่พบจำนวนผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นผิดปกติ แต่อาการไม่รุนแรง และไม่มีผู้ป่วยเสียชีวิต

 

 

สาเหตุหลักคาดว่า เกิดจากการรับประทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส  โดยต้องรอผลแลปจากตัวอย่างน้ำและอาหารที่ส่งตรวจเพื่อมายืนยันการระบาด และจากการสอบสวนเพิ่มเติมยังพบว่า อาหารที่ผู้ป่วยรับประทานก่อนมีอาการป่วย มีความหลากหลาย เป็นอาหารทั่วไป ไม่ได้จำเพาะ

 

สำหรับสถานการณ์ผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษและอุจจาระร่วงที่จังหวัดจันทบุรี จากระบบรายงานของกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ระหว่างวันที่ 1-28 ธันวาคม 2564 พบผู้ป่วยจำนวน 589 ราย ซึ่งพบจำนวนผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าค่ามัธยฐาน 5 ปีย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 19-25 ธันวาคม 2564 โดยพบผู้ป่วยสะสมถึงวันที่ (28 ธ.ค.64) จำนวน 273 ราย เป็นเพศชาย 99 ราย เพศหญิง 174 ราย กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยสูงสุด ได้แก่ 20-29 ปี (31.14%) รองลงมา คือเด็กแรกเกิด-9 ปี (16.85%) และ 10-19 ปี (15.75%) ตามลำดับ

จำนวนผู้ป่วยอาหารเป็นพิษและอุจจาระร่วง เริ่มเพิ่มสูงผิดปกติ ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2564 เป็นต้นมา เพิ่มสูงขึ้นมาก ช่วง 27-29 ธันวาคม 2564 เมื่อรวมกับผู้ป่วยใหม่ที่มีรายงานเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน ตั้งแต่วันที่ 25-29 ธ.ค. 64 อีก 455 ราย รวมเป็น 728 ราย ส่วนใหญ่เป็นวัยทำงาน และเด็กเล็ก อาการไม่รุนแรง มีถ่ายเหลว คลื่นไส้ ปวดท้อง ไข้บางราย พบผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นมากที่สุดเฉพาะในบางตำบลเท่านั้น

 

ขณะนี้จำนวนผู้ป่วยใหม่รายวันที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเริ่มลดลงแล้ว เหลือเพียงวันละ 30-40 ราย จากเดิมช่วงสูงสุดประมาณวันละ 60-70 ราย ซึ่งในจำนวนผู้ป่วยรายใหม่เหล่านี้ ผลจากการตรวจทางห้องปฏิบัติการโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ พบเชื้อก่อโรคในผู้ป่วยหลายราย เป็นเชื้อไวรัสโนโร ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นสาเหตุหลักในการพบผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นอย่างผิดปกติในครั้งนี้

 

ทั้งนี้ โรคอาหารเป็นพิษสามารถเกิดจากการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือพยาธิและสารพิษทั้งจากพืช สัตว์ สารเคมี หรือโลหะหนัก ภายในระยะเวลาอย่างน้อย 2-6 ชั่วโมง หรือ 2-3 วัน ผู้ที่ป่วยมักมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายอุจจาระเป็นน้ำหรือมีมูกเลือด ปวดมวนท้องถ ปวดศีรษะ คอแห้งกระหายน้ำ อาจมีไข้ร่วมด้วย ความรุนแรงขึ้นอยู่กับปริมาณเชื้อที่รับเข้าไป หากเกิดในผู้สูงอายุ อาจทำให้ขาดน้ำ ถึงขั้นช็อคหมดสติได้

 

สำหรับการช่วยเหลือเบื้องต้น ให้ผู้ป่วยดื่มสารละลายผงเกลือแร่ (ORS) ทีละน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ หากอาการไม่ดีขึ้นให้รีบพาไปพบแพทย์ทันที ซึ่ง ORS ประชาชนสามารถเตรียมเองได้ง่ายๆ โดยเติมน้ำตาลทราย 6 ช้อนชาและเกลือครึ่งช้อนชา ผสมกับน้ำสะอาด 1 ลิตร (1,000 ซีซี)

 

ส่วนวิธีการลดความเสี่ยงป่วยและป้องกันโรคอาหารเป็นพิษ ขอให้ประชาชน ยึดหลัก "สุก ร้อน สะอาด" โดยรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ไม่รับประทานอาหารดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ อาหารที่เก็บไว้นาน 2 ชั่วโมง ต้องนำมาอุ่นร้อนให้ทั่วถึงก่อนรับประทานทุกครั้ง

 

เลือกบริโภคอาหาร น้ำและน้ำดื่มที่สะอาดมีเครื่องหมาย อย. ล้างมือด้วยน้ำสบู่และน้ำสะอาดทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำหรือสัมผัสสิ่งสกปรกทุกครั้ง รวมถึงผู้ปรุงอาหารต้องล้างมือให้สะอาดก่อนปรุงประกอบอาหารทุกครั้ง หากอาหารที่รับประทานมีกลิ่น รส หรือรูปเปลี่ยนไป ไม่ควรรับประทานต่อ