พีเอสไอ แตกไลน์ธุรกิจกล้องวงจร OCS พร้อมกล่องสมาร์ท OFIVE มองเป็นช่องว่างตลาดหวังทดแทนรายได้กลุ่มธุรกิจจานดาวเทียมที่ลดลง 20-30% คาดสิ้นปีรายได้ใกล้เคียงปี 2558
นายสมพร ธีระโรจนพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีเอสไอ โฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าปีที่ผ่านมารายได้จากกลุ่มธุรกิจจานทีวีดาวเทียมลดลงราว 20-30% จึงได้วางแผนขยายธุรกิจใหม่ กระทั่งพบว่าช่องว่างตลาดกล้องวงจรปิดในประเทศไทยยังมีอยู่มาก ดังนั้นจึงได้ผลิตกล้องวงจร OCS (Online Camera Security) ขึ้นพร้อมสร้างความแตกต่างจากกล้องวงจรปิดทั่วไปโดยกล้อง OCS จะมีสัญญาณเตือนผู้ใช้ กรณีที่มีมิจฉาชีพบุกรุกเข้ามาตามจุดต่างๆพร้อมจับใบหน้าของคนร้ายทันที ขณะเดียวกันยังเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ขณะที่มีสัญญาณเตือนเพื่อแจ้งไปยังผู้ใช้ว่ามีมิจฉาชีพบุกรุก เจ้าของสามารถพูดส่งเสียงขู่ได้จากข้างนอก โดยเบื้องต้นจำหน่ายราคาประมาณ 2.6 พัน – หลักหมื่นบาท ติดตั้งตามครัวเรือนต่างๆ อาทิ คอนโดมิเนียม อพาร์ทเมนต์ บ้าน และอื่นๆ สำหรับการผลิตสินค้าใหม่ครั้งนี้บริษัทได้ใช้งบรวมกว่า 100 ล้านบาท พร้อมทั้งคาดว่าหลังจากเปิดตัวในวันที่ 5 พฤษภาคมนี้จะได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้ที่มาร่วมงานและมีรายได้ในสิ้นปีนี้กว่า 500 ล้านบาท-600 ล้านบาท สำหรับกลุ่มธุรกิจนี้ยังไม่มีผู้เล่นรายใดให้ความสำคัญ บริษัทจะเป็นรายแรกที่สร้างตลาดใหม่ขึ้นมา
นอกจากนี้ยังได้พัฒนากลุ่มธุรกิจดาวเทียมให้ทันต่อพฤติกรรมคนปัจจุบัน โดยพัฒนากล่องSmart Box ภายใต้ชื่อแบรนด์ OFIVE ขึ้น โดยกล่องนี้จะเชื่อมต่อเข้ากับโทรทัศน์และสามารถชมคอนเทนต์ผ่านอินเตอร์เน็ต ชมทีวีดิจิตอลและทีวีดาวเทียมได้ภายในกล่องเดียว จำหน่ายราคา 2.5-2.6 พันบาท ทั้งนี้มองว่าปัจจุบันผู้ชมโทรทัศน์ในประเทศไทยย้ายรูปแบบการชมโทรทัศน์จากทีวีไปสู่แพลตฟอร์มอื่น เช่น โทรศัพท์สมาร์ทโฟน แท็บเลต คอมพิวเตอร์ อื่นๆ
ซึ่งเชื่อว่าหากมีกล่อง OFIVE โดยที่เด็กรุ่นใหม่สามารถค้นหาคอนเทนต์ที่อยากชมได้ตามใจชอบผ่านบนจอทีวี จะทำให้พฤติกรรมการชมโทรทัศน์เด็กรุ่นใหม่กลับมาให้ความสนใจที่หน้าจอโทรทัศน์อีกครั้ง ขณะเดียวกันภายในระยะเวลา 5 ปีจากนี้ เชื่อว่าสัดส่วนผู้ชมทีวีดาวเทียมในเมืองจะลดลงต่อเนื่องและหันมาให้ความสำคัญกับกล่อง OFIVE แทน สำหรับแผนการตลาดของกลุ่มธุรกิจทั้ง 2 ประเภทข้างต้นจะใช้กลยุทธ์ Direct โดยใช้ตัวแทนเข้าไปเสนอสินค้าต่อยอดจากฐานกลุ่มลูกค้าเดิมของพีเอสไอทั่วประเทศ
ปัจจุบันบริษัทดำเนินธุรกิจ 2 ประเภท คือ 1.ขายจานทีวีดาวเทียม 2.ให้เช่าทรานสปอนเดอร์ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมากลุ่มธุรกิจขายจานค่อนข้างชะลอตัวเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจ และกล่องทีวีดิจิตอลที่เข้ามาเพิ่มในตลาด ขณะที่กลุ่มธุรกิจให้เช่าทรานสปอนเดอร์ยังคงดีต่อเนื่อง ทั้งนี้บริษัทเชื่อว่าจากการเพิ่มธุรกิจใหม่คือ กล้องวงจร OCS เข้ามาจะช่วยทดแทนรายได้ของกลุ่มธุรกิจทีวีดาวเทียมที่ขาดหายไปได้ อย่างไรก็ตามคาดการณ์ภาพรวมรายได้ทั้งกลุ่มปีนี้จะเติบโตใกล้เคียงกับปีก่อน หรือมีมูลค่าราว 2 พันล้านบาท
Photo :
pixabay
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,155 วันที่ 8 - 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2559