เปิดไทม์ไลน์คนไทย2รายติด“โอมิครอน”จากไนจีเรีย เผยยังไม่ได้รับวัคซีน

08 ธ.ค. 2564 | 07:02 น.

เปิดไทม์ไลน์คนไทย 2 รายติดเชื้อโควิดสายพันธ์ใหม่"โอมิครอน" ศบค.เผยเป็นหญิงไทย ทำงานเป็นล่ามจากไนจีเรียทั้งคู่ยังไม่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ทั้งเคยติดโควิดมาก่อน

วันนี้ ( 8 ธ.ค. 64 )จากกรณีศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงว่า จากผลการสอบสวนเบื้องต้นพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) เพิ่มอีก 2 ราย ซึ่งเป็นหญิงไทยอาชีพล่ามประจำคริสตจักรแห่งหนึ่ง โดยเป็น 2 ใน 3 คนไทยที่เดินทางไปเข้าร่วมประชุมตัวแทนคริสตจักรในช่วงวันที่ 13-23 พ.ย.64 ที่เมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย รวมผู้เข้าประชุมทั้งหมด 20 คน ก่อนเดินทางกลับประเทศไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลตรวจยืนยันสายพันธุ์อีกครั้ง

ไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้อโอมิครอน ชาวไทย 2 รายล่าสุด มีดังนี้

 

รายแรกเป็นหญิงไทยวัย 46 ปี ยังไม่เคยได้รับวัคซีน

 

  • วันที่ 21 พ.ย.64 ตรวจ RT-PCR ที่ไนจีเรีย ผลเป็นลบ
  • วันที่ 23 พ.ย.64 เริ่มป่วย ไอ เจ็บคอเล็กน้อย
  • วันที่ 24 พ.ย.64 เดินทางกลับถึงไทยด้วยเที่ยวบิน QR803 เข้า ASQ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ผลตรวจ RT-PCR พบว่าติดเชื้อโควิด
  • วันที่ 25 พ.ย.64 เข้ารักษาตัวที่ Hospitel แห่งหนึ่ง
  • วันที่ 5 ธ.ค.64 ครบกำหนดการกักตัว
    (แพทย์คุมไว้สังเกตอาการเพิ่มอีก 7 วัน)

รายที่สองเป็นหญิงไทยวัย 36 ปี ยังไม่เคยได้รับวัคซีน แต่ช่วงเดือน ก.ค.เคยป่วยเป็นโควิด-19 และเข้ารักษาที่โรงพยาบาลบุษราคัม

 

  • วันที่ 21 พ.ย.64 ตรวจ RT-PCR ที่ไนจีเรีย ผลเป็นลบ
  • วันที่ 24 พ.ย.64 เดินทางกลับถึงไทยด้วยเที่ยวบิน QR803 เข้า ASQ ที่โรงแรมแห่งเดียวกับรายแรก ผลตรวจ RT-PCR พบว่าติดเชื้อโควิด
  • วันที่ 25 พ.ย.64 เริ่มป่วย ไอ เจ็บคอเล็กน้อย เข้ารักษาตัวที่ Hospitel แห่งหนึ่ง รับยาฟาวิพิราเวียร์
  • วันที่ 5 ธ.ค.64 ครบกำหนดการกักตัว
    (แพทย์คุมไว้สังเกตอาการเพิ่มอีก 7 วัน)

เปิดไทม์ไลน์คนไทย2รายติด“โอมิครอน”จากไนจีเรีย เผยยังไม่ได้รับวัคซีน

 

แต่เนื่องจากวันที่ 26 พ.ย.64 องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศเรื่องสายพันธุ์โอมิครอน ดังนั้นจึงได้นำตัวอย่างเชื้อของทั้งสองรายไปตรวจย้อนหลังเพิ่มเติม ผลพบว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่เป็นสายพันธุ์โอมิครอน จึงเข้าสู่ขั้นตอนการถอดรหัสพันธุกรรมเพื่อยืนยันผลอีกครั้ง ซึ่งจะออกมาภายใน 1-2 วันนี้

 

ระหว่างนี้กรมควบคุมโรคได้เข้าไปสอบสวนโรคเพิ่มเติมพบว่าทั้งสองรายทำกิจกรรมในระหว่างเข้าประชุมโดยไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยและไม่เคยได้รับวัคซีนทำให้เสี่ยงสูงในการติดเชื้อ พร้อมทั้งสอบสวนผู้สัมผัสใกล้ชิดกับ 2 รายนี้ และแม้ทั้งสองรายจะรักษาครบกำหนดแล้วแต่ก็ได้ติดต่อให้คุมไว้สังเกตเพิ่มเติมอีก 7 วัน

 

ส่วนคนไทยอีก 1 คนที่เดินทางเข้าร่วมประชุมเช่นเดียวกันนั้นได้เดินทางต่อไปยังสวีเดน และจากการตรวจสอบไปทางสวีเดนพบว่าติดเชื้อโควิด-19 เช่นกัน