"โมลนูพิราเวียร์"เหลือเม็ดละ 6.60 บาท Merckจัดให้ถูกลง 88 เท่า

31 ต.ค. 2564 | 08:33 น.

หมอเฉลิมชัยเผยข่าวดียาต้านไวรัสโมลนูพิราเวียร์เหลือเม็ดละ 6.60 บาท บริษัท Merck ทำให้ถูกลง 88 เท่า ระบุถือเป้นเรื่องสำหรับประเทศรายได้ปานกลางและยากจน

รายงานข่าวระบุว่า น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า
ข่าวดี !! บริษัท Merck ทำให้ยาต้านไวรัส Molnupiravir ถูกลง 88 เท่า จากเม็ดละ 580 บาท เหลือ 6.60 บาท

ข่าวดีมากสำหรับประเทศรายได้ปานกลางและยากจน โดยมีการแถลงข้อตกลงร่วมกันระหว่างบริษัท MSD (Merck&Co.,Inc.) บริษัท Ridgeback Biotherapeutics และมหาวิทยาลัย Emory
ว่าจะไม่คิดค่าสิทธิบัตรของยาต้านไวรัสตัวใหม่ Molnupiravir โดยได้ทำข้อตกลงกับ MPP (The Medicine Patent Pool) ซึ่งเป็นหน่วยงานทางสาธารณสุขที่องค์การอนามัยโลกสนับสนุน

โมลนูพิราเวียร์เหลือเม็ดละ 6.60 บาท

ข้อตกลงดังกล่าว ถือว่าเป็นข้อตกลงแรกที่เกี่ยวกับยาและเทคโนโลยีโควิด-19
โดยมีสาระสำคัญว่า ทั้งสองบริษัทและหนึ่งมหาวิทยาลัย จะไม่ขอรับค่าสิทธิบัตรจากยาต้านไวรัสดังกล่าวสำหรับการผลิตและจำหน่ายในกลุ่มประเทศรายได้น้อย
ทำให้ประเทศรายได้ต่ำ และรายได้ปานกลาง 105 ประเทศ และบริษัทยากกว่า 50 บริษัทในประเทศดังกล่าว สามารถผลิตยา Molnupiravir ได้เอง
จึงทำให้ราคายาต่อคอร์ส ลดลงอย่างมาก จาก 23,100 บาท (700 เหรียญสหรัฐ) เหลือเพียง 264 บาท (8 เหรียญสหรัฐ) ลดลงมากกว่า 87.5 เท่าตัว
โดยมีเงื่อนไขว่า การไม่คิดค่าสิทธิบัตรดังกล่าวนั้น จะกระทำต่อเนื่องกันไป ตราบเท่าที่องค์การอนามัยโลกยังประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคระบาดของโลก ( Public Health Emergency of International Concern)
โดยการลงนามในข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2564
ผู้บริหารบริษัท Merck ได้ออกมาแถลงว่า บริษัทซึ่งก่อตั้งมากว่า 130 ปี  มีเจตนารมณ์ที่จะวิจัยพัฒนายาและเวชภัณฑ์ต่างๆเพื่อช่วยมนุษยชาติเป็นหลัก
อธิการบดีของ Emory University แถลงว่า มหาวิทยาลัยมีนโยบายที่จะรับใช้มนุษยชาติหรือรับใช้สังคม
ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท Ridgeback กล่าวว่าข้อตกลงนี้ เป็นตัวอย่างที่สำคัญของความร่วมมือที่จะทำให้ระบบสุขภาพของโลกดีขึ้น

 Merck ทำให้ยา Molnupiravir ถูกลง 88 เท่า
ผู้บริหารของ MPP กล่าวว่า เป็นข้อตกลงแรกที่เกี่ยวกับ โควิด-19 ในอดีต MPP ได้ทำข้อตกลงที่ทำให้ประชาชนที่อาศัยในประเทศรายได้ปานกลางและประเทศยากจนได้เข้าถึงยาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็นกับชีวิตในราคาที่ไม่แพง เช่น กลุ่มยาโรคเอดส์ ยาโรคไวรัสตับอักเสบซี  และยารักษาวัณโรค เป็นต้น
ยา Molnupiravir เป็นยาที่ได้รับการพัฒนาขึ้น โดยมหาวิทยาลัย Emory และให้บริษัท Ridgeback และ Merck เป็นผู้รับสิทธิบัตรในการดำเนินการผลิตต่อไป
โดยมีชื่อรหัส MK 4482 และ EIDD 2801 ออกฤทธิ์ต่อต้านการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนของไวรัส
ในการวิจัยเฟสสาม สามารถลดจำนวนผู้ป่วยนอนโรงพยาบาลได้ถึง 50% ในผู้ป่วยอาการน้อยหรือปานกลาง โดยไม่มีผู้เสียชีวิต
ขณะนี้อยู่ในการทดลองเฟสสาม และได้ยื่นขออนุมัติใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน (EUA) ต่อ USFDA และหน่วยงานของทวีปยุโรป (EMA)
ถ้าได้รับการอนุมัติ ก็จะเป็นยาตัวแรกของโลก ที่ออกฤทธิ์ต่อต้านไวรัสก่อโรคโควิด-19 โดยตรง
และถือเป็นข่าวดีมาก ที่ผู้เป็นเจ้าของและถือสิทธิบัตรยาดังกล่าว ได้ตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่มากในวงการธุรกิจ ไม่คิดค่าสิทธิบัตรยาใหม่ ที่สามารถทำเงินได้จำนวนมหาศาล
ทำให้ 105 ประเทศทั่วโลก สามารถเข้าถึงยาตัวนี้ได้ในราคาที่ถูกลงกว่า 88 เท่าตัว
ถ้าบริษัทต่างๆที่เกี่ยวกับยาและเวชภัณฑ์ ได้ดำเนินนโยบายแนวทางเดียวกันนี้
ก็จะทำให้ประชาชนกว่าครึ่งโลก ในประเทศที่ยากจนและประเทศรายได้ปานกลาง มีโอกาสได้รับการรักษาอย่างมีคุณภาพ
และน่าจะลดการเสียชีวิตได้อย่างมีนัยสำคัญ เป็นการลดความเหลื่อมล้ำของมนุษย์ลงได้อย่างเป็นรูปธรรม
สำหรับสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 (covid-19) ในประเทศไทย วันที่ 31 ตุลาคม 2564 นั้น "ฐานเศรษฐกิจ" ติดตามข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข พบว่า
ติดเชื้อเพิ่ม 8859 ราย
ติดในเรือนจำ 330 ราย
สะสมระลอกที่สาม 1,883,161 ราย
สะสมทั้งหมด 1,912,024 ราย
หายป่วย 8253 ราย
สะสม 1,792,128 ราย
รักษาตัวอยู่ 100,691 ราย
เสียชีวิต 47 ราย
สะสมระลอกที่สาม 19,111 ราย
สะสมทั้งหมด 19,205 ราย