24 กันยายน วันมหิดล ฉีดวัคซีนบูสต์เข็ม 3 ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่

22 ก.ย. 2564 | 06:15 น.

24 กันยายน วันมหิดล อนุทิน ย้ำชัด ฉีดวัคซีนโควิดบูสต์เข็ม 3 สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค ครบ 2 เข็มช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2564 ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ รอรับ SMS แจ้งวันนัด ยัน ปี 2565 เตรียมวัคซีนไว้ 100 ล้านโดสเพื่อฉีดกระตุ้นเข็ม 3 ทั่วประเทศ

22 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 หรือ บูสเตอร์โดสให้กับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็มในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคมที่ผ่านประมาณ 4 ล้านคน โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวย้ำว่า เพื่อให้เกิดการกระตุ้นภูมิคุ้มกันรองรับเชื้อกลายพันธุ์ให้กับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็มแล้วจะจัดให้มีการฉีดวัคซีน แอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) ให้เป็นเข็มที่ 3 

ทั้งนี้ ประชาชนกลุ่มนี้ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่แต่จะมีการจัดส่งข้อความแจ้งให้เข้ารับวัคซีน ตามเวลานัดหมาย

ในขณะที่ภาพรวมของการฉีดวัคซีนโควิดให้กับประชาชนสิ้นเดือนตุลาคมนี้จะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนครบ  60 ล้านโดส โดยข้อมูลจากกรมควบคุมโรคเมื่อวานนนี้รายงานผลการฉีดวัคซีน มั่นใจว่า กลุ่มเป้าหมาย จะได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสภายในสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน 

นายอนุทิน กล่าวยืนยันว่า จำนวนวัคซีนโควิดปีนี้มีเพียงพออย่างแน่นอน ทั้งยังได้มีการจัดหา วัคซีนบูสเตอร์โดส หรือวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 ให้ประชาชนครบถ้วนแล้ว สำหรับปีหน้าที่จะใช้เข็มเดียว

เบื้องต้นเตรียมไว้ประมาณกว่า 100 ล้านโดสแต่ต้องดูสถานการณ์ในช่วงเวลาขณะนั้นประกอบกันด้วย และเชื่อว่า ปีหน้า ปัญหาวัคซีนต่าง ๆ จะคลี่คลาย ทั้งราคาวัคซีนก็น่าจะลดลง เนื่องจากมีวัคซีนมากขึ้น รวมถึงการมาถึงของวัคซีนก็น่าจะดีขึ้น ไม่มีความวุ่นวายเหมือนปีนี้

สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ที่รัฐบาลจัดหา จำนวน 30 ล้านโดสเพื่อนำมาฉีดให้กับเด็ก และเยาวชนอายุ 12 ปีขึ้นซึ่งทั่วประเทศมีอยู่ 5 ล้านคนนั้น ยืนยันว่า มีความปลอดภัย และผ่านการการทดลอง ศึกษาวิจัย

รวมถึงขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ไม่ใช่เพราะเป็นวัคซีนชนิด mRNA จึงขอให้ผู้ปกครองมั่นใจ ขณะเดียวกันเตรียมให้กรมควบคุมโรคจัดทำคู่มือการฉีดวัคซีนสำหรับเด็ก เพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้ปกครอง

ส่วนวัคซีนสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี อยู่ระหว่างรอบริษัทผู้ผลิตวัคซีนมาขึ้นทะเบียนกับ อย. ทั้งนี้ หากไม่ผ่านการขึ้นทะเบียนก็จะไม่นำมาฉีดให้กับเด็กได้แต่หากมีผลวิจัยรองรับว่า มีประสิทธิภาพและปลอดภัย ก็จะเร่งจัดหาเพื่อมาฉีดให้เด็กทันที