svasdssvasds
logo-pwa

เพิ่ม thansettakij

ลงในหน้าจอหลักของคุณ

ติดตั้ง
ปิด
thansettakij

เปรียบเทียบ Pfizer-Sinopharm นักเรียนควรฉีดวัคซีนตัวไหนก่อนไปโรงเรียน

20 กันยายน 2564

หมอเฉลิมชัยเผยข้อมูลการฉีดวัคซีนเด็กระหว่าง Pfizerและ Sinopharm นักเรียนควรฉีดตัวไหนก่อนไปโรงเรียน ระบุไฟเซอร์ได้รับการอนุมติจาก อย.แล้ว ส่วนซิโนฟาร์มรอการอนุมัติ

รายงานข่าวระบุว่า น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า
ระหว่างวัคซีน Pfizer กับ Sinopharm นักเรียนควรฉีดตัวไหนดี ก่อนไปโรงเรียน
ในการเปิดเรียนภาคการศึกษาใหม่  เป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองยินดีกันมา เพราะบุตรหลาน จะได้มีโอกาสไปศึกษาเรียนรู้ หลังจากที่ต้องเรียนออนไลน์กันมาเป็นเวลานาน และยังทำให้คุณพ่อคุณแม่มีภาระในการดูแลบุตรหลานของตนเองลดลงในช่วงเวลากลางวันด้วย
อย่างไรก็ตาม เป็นที่ทราบดีว่า การเปิดให้นักเรียนไปโรงเรียนได้นั้น มีความเสี่ยงที่จะติดโควิด-19 (Covid-19) เพิ่มขึ้น
มาตรการสำคัญ ที่จะลดความเสี่ยงก็คือ การฉีดวัคซีนให้กับเด็กนักเรียนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งคุณครูและบุคลากร
ความกังวลของคุณพ่อคุณแม่ก็คือ วัคซีนที่จะฉีดให้กับนักเรียนนั้น มีความปลอดภัยมากน้อยเพียงใด ผลข้างเคียงจะเป็นอย่างไรบ้าง
ซึ่งเป็นประเด็นที่ทุกฝ่ายให้ความสนใจ แตกต่างไปจากการฉีดวัคซีนโควิดในผู้ใหญ่ ที่ส่วนใหญ่มักจะสนใจเรื่องประสิทธิผลในการป้องกันโรค มากกว่าผลข้างเคียงหรือความปลอดภัย
การพิจารณาเลือกชนิดของวัคซีนฉีดให้กับบุตรหลาน จึงเป็นประเด็นที่ผู้คนให้ความสำคัญ และให้ความสนใจกันมาก ประกอบกับข้อมูลมีไม่ครบถ้วน และมีความหลากหลาย จึงทำให้ยิ่งตัดสินใจได้ยากขึ้นไปอีก

บทความนี้ จึงจะเสนอข้อมูลที่จำเป็น สำหรับเป็นหลักคิด ที่เป็นตรรกะและเป็นเหตุเป็นผลให้คุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครอง พิจารณาตัดสินใจได้ด้วยตนเอง
1.ถาม : ถ้าไม่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด แล้วไปโรงเรียน จะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อมากน้อยเพียงใด
   ตอบ : มีความเสี่ยงค่อนข้างมาก แต่ถ้านักเรียนรวมทั้งคุณครูและบุคลากรฉีดวัคซีนเป็นจำนวนมาก นักเรียนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนก็จะมีโอกาสติดเชื้อน้อยลง
2.ถาม : ถ้าเด็กนักเรียนติดเชื้อแล้ว จะมีอาการรุนแรงมากน้อยเพียงใด เสี่ยงต่อการเสียชีวิตหรือไม่
   ตอบ : เด็กเมื่อติดเชื้อแล้ว มักจะไม่แสดงอาการ ในส่วนน้อยที่แสดงอาการก็ไม่ค่อยรุนแรง และมีเด็กที่เสียชีวิตจากโควิดน้อยมาก    เมื่อเทียบกับผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัวจะเสียชีวิต 90-95% ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด ส่วนอายุน้อยกว่า 60 ปีไม่มีโรคประจำตัว เสียชีวิตเพียง 5-10% ส่วนในเด็กเสียชีวิตน้อยมากไม่ถึง 1%
3.ถาม : วัคซีนชนิดใดมีความปลอดภัยเหมาะสมที่จะฉีดในเด็กบ้าง
   ตอบ : วัคซีนทุกชนิดที่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกและสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาไทย (อย.) ถือว่ามีความปลอดภัยที่จะฉีดได้ทั้งสิ้น

 Pfizer กับ Sinopharm นักเรียนควรฉีดตัวไหนดี
4.ถาม : วัคซีนที่ได้รับการอนุมัติแล้วให้ฉีดในเด็กได้  มีอะไรบ้าง
   ตอบ :  อย.ไทยได้อนุมัติแล้วสองชนิด สำหรับฉีดเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปคือ Pfizer กับ Moderna และอยู่ในระหว่างกำลังพิจารณาอนุมัติให้กับ Sinopharm ในระดับโลก อนุมัติให้ฉีด Pfizer  และ Moderna ในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปได้ ส่วนที่ประเทศจีนและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้มีการให้ฉีดวัคซีนเชื้อตายคือ Sinopharm ในเด็กอายุตั้งแต่สามขวบขึ้นไป ส่วนคิวบา อนุมัติให้ฉีดวัคซีนโปรตีนเป็นฐานตั้งแต่สองขวบขึ้นไป

5.ถาม : วัคซีนที่อนุมัติแล้วให้ฉีดในเด็กได้ มีข้อมูลความปลอดภัยหรือผลข้างเคียงเป็นอย่างไรบ้าง
   ตอบ : Sinopharm ซึ่งเป็นวัคซีนเทคโนโลยีเชื้อตาย มีแนวโน้มที่จะสร้างความสบายใจมากกว่า เพราะใช้ผลิตวัคซีนในเด็กมานานนับ 10 ปี เช่น ไอกรน โปลิโอ ตับอักเสบ ไข้หวัดใหญ่ และการฉีดในเฟสหนึ่งและสองที่ประเทศจีน รวมทั้งเฟสสามในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ก็พบว่าปลอดภัยดี ส่วนวัคซีน Pfizer ซึ่งเป็น เทคโนโลยี mRNA ณ ปัจจุบัน ก็ถือว่าปลอดภัยในการฉีดเด็ก แต่ในระยะยาวนานนับปี ยังจะต้องติดตามผลเรื่องความปลอดภัยหรือผลข้างเคียงกันต่อไป

6.ถาม : วัคซีนของ Pfizer ที่ฉีดในเด็กอายุ 12-17 ปีแล้วนั้น มีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง
   ตอบ : วัคซีน Pfizer ถือว่ามีผลข้างเคียงในเด็กค่อนข้างน้อย สามารถฉีดได้ แต่ในผลข้างเคียงที่รุนแรงแม้พบน้อยมากที่ควรสนใจประกอบด้วย
6.1กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ในทุกอายุพบ 12.6 รายต่อ 1 ล้านโดส โดยในเด็กจะพบมากกว่าในผู้ใหญ่ตั้งแต่ 1.2-27.3 เท่า
โดยในเด็กชายจะพบมากกว่าเด็กหญิง 7.7 เท่า และพบในวัคซีน Pfizer พบมากกว่า Moderna 2.5 เท่า
เด็กอายุ 12-15 ปี พบกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ 21 รายต่อ 1 ล้านโดส
อายุ 16-17 ปี พบ 34 รายต่อ 1 ล้านโดส

น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ
6.2 แพ้รุนแรงแบบช็อก (Anaphylaxis) พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 19 เท่าหรือ 95% และพบใน Pfizer มากกว่า Moderna ประมาณสองเท่า คือ 4.7 ราย เทียบกับ  2.5 ราย ต่อ 1 ล้านโดส
7.ถาม : วัคซีน Sinopharm มีผลข้างเคียงมากน้อยอย่างไร
   ตอบ : ยังไม่มีตัวเลขรายงานทางวิชาการอย่างเป็นทางการ แต่จากกรณีศึกษาทั้งในประเทศจีนและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พบว่ามีความปลอดภัยดี และมีประสิทธิผลในการป้องกันโรคสูง
8.ถาม : ขณะนี้ประเทศไทยมีวัคซีนที่พร้อมฉีดในเด็กและได้รับการอนุมัติแล้วกี่ตัว
   ตอบ : วัคซีนที่พร้อมฉีดและได้รับการจดทะเบียนแล้วคือ Pfizer ส่วนที่ได้รับการอนุมัติแล้ว กำลังรอวัคซีนเข้ามาคือ Moderna และวัคซีนที่มีพร้อมฉีดและกำลังรอการอนุมัติจาก อย.คือ Sinopharm
9.ถาม : จากข้อมูลทั้งหมด ควรตัดสินใจอย่างไรดี
   ตอบ : จากข้อมูลทั้งหมด คุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองก็พอจะประเมินได้ว่า ครอบครัวของท่านเป็นผู้ที่ให้น้ำหนักความกังวลต่อผลข้างเคียงของวัคซีนมาก หรือความกังวลต่อการติดเชื้อแล้วมีอาการรุนแรงมาก ซึ่งแต่ละครอบครัว ก็คงจะแตกต่างกันไป และในครอบครัวที่ตัดสินใจจะฉีดวัคซีน ก็คงต้องพิจารณาระหว่าง Pfizer ซึ่งจดทะเบียนแล้ว ส่วน Sinopharm อยู่ระหว่างกำลังอนุมัติ
สุดท้ายนี้ ในครอบครัวที่ตัดสินใจจะฉีดวัคซีนให้กับบุตรหลานของตัวเองเพื่อไปโรงเรียน ขอให้สบายใจได้ในเบื้องต้นว่า วัคซีนที่ทางการร่วมกับทางโรงเรียนจะอนุมัติให้ฉีดกับบุตรหลานของท่านนั้น มีความปลอดภัย มีผลข้างเคียงค่อนข้างน้อย และมีประสิทธิผลในการป้องกันโรคได้ดี
ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยของวัคซีนแต่ละชนิด แต่ละครอบครัวก็คงตัดสินใจด้วยข้อมูลที่ทางบทความนี้ให้ไปร่วมกับข้อมูลอื่นๆ
ทั้งนี้ "ฐานเศรษฐกิจ" ติดตามความคืบหน้าการฉีดวัคซีนเด็กในประเทศไทย พบว่า 
กระทรวงศึกษาธิการ ได้จัดทำแบบฟอร์มเอกสารที่เกี่ยวข้อง ให้หน่วยงานและสถานศึกษาทุกสังกัด สามารถดาวน์โหลดเพื่อใช้ในการดำเนินการ ที่เว็บไซต์กระทรวงศึกษาธิการ http://www.moe.go.th ดังนี้

Pfizer กับ Sinopharm นักเรียนควรฉีดตัวไหนดี
แบบสำรวจการฉีดวัคซีน Pfizer ในนักเรียน/นักศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 หรือเทียบเท่า แต่ละห้องเรียน
แบบสรุปจำนวนนักเรียน/นักศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 หรือเทียบเท่า ที่มีความประสงค์รับวัคซีน Pfizer แยกแต่ละสถานศึกษา
แบบสรุปจำนวนนักเรียน/นักศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 หรือเทียบเท่า ที่มีความประสงค์รับวัคซีน Pfizer รายจังหวัด
เอกสารแสดงความประสงค์ของผู้ปกครองเพื่อให้นักเรียน/นักศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 หรือเทียบเท่า ฉีดวัคซีนไฟเซอร์
แบบคัดกรองก่อนรับบริการฉีดวัคซีนโควิด 19 สำหรับนักเรียน/นักศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 หรือเทียบเท่า
ตัวอย่าง หนังสือแจ้งการฉีดวัคซีน Pfizer สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 หรือเทียบเท่า
แบบสรุปผลการให้บริการวัคซีน Pfizer สำหรับนักเรียน/นักศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 หรือเทียบเท่า
อย่างไรก็ดี ตาม Timeline การฉีดวัคซีนให้แก่นักเรียน คาดว่าจะเริ่มฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ให้นักเรียน นักศึกษา อายุ 12-18 ปี ในวันที่ 4 ตุลาคมนี้ และฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ในช่วงปลายเดือนตุลาคม (Pfizer 2 เข็ม ระยะห่างจะอยู่ที่ 3-4 สัปดาห์)