เงินเยียวยานักเรียน 2000บาท อนุบาล-ประถม-มัธยม-อาชีว-กศน. สรุปที่นี่

16 ส.ค. 2564 | 02:12 น.

สรุปมาตรการจ่ายเงิน " เยียวยานักเรียน " คนละ 2,000บาท ทั่วประเทศจำนวน 11 ล้านคน ตั้งแต่อนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา อาชีวศึกษา กศน. เช็ครายละเอียดได้ที่นี่

จากกรณีที่วันนี้ 16ส.ค.64 เมื่อเวลา 09.00 น. มีการแถลงเปิดรายละเอียดมาตรการ "เยียวยานักเรียน" คนละ 2,000 บาท โดยกระทรวงศึกษาธิการนั้น

ซึ่งในการแถลงข่าว น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ยืนยันจะดำเนินการโอนเงินไปยังผู้ปกครองให้เร็วที่สุด ไม่เกิน 7 วัน รับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังโอนงบประมาณมายังกระทรวงศึกษาธิการ 

ฐานเศรษฐกิจ ตรวจสอบรายละเอียดมาตรการเยียวยานักเรียนคนละ 2,000 บาท ทั่วประเทศจำนวน 11 ล้านคน วงเงินรวมประมาณ 22,000 ล้านบาท มีดังนี้ 

จุดประสงค์ 

  • บรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของครัวเรือนและประชาชน

กลุ่มเป้าหมาย

  • นักเรียนจำนวนนักศึกษาจำนวน 11 ล้านคน ที่กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ทั้งภาครัฐและเอกชน และสถานศึกษานอกสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ

ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน

  • อนุบาล - มัธยมศึกษาตอนปลาย
  • อาชีวศึกษา ปวช. - ปวส.
  • กศน.

ขั้นตอนการโอนเงินเยียวยานักเรียน 2000บาท

กระทรวงการคลัง จะจัดสรรการโอนเงิน ไปยัง 3 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานและสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เพื่อโอนเงินไปยังผู้ปกครองนักเรียนดังนี้ 

สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ

  • สำนักงานปลัดฯ จะโอนต่อไปยัง สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) 
  • สช. จะโอนเงินไปยังโรงเรียนเอกชน เพื่อให้โอนต่อไปยังผู้ปกครองเป็นเงินสดหรือรับเข้าบัญชีจากโรงเรียนเอกชน ตั้งแต่วันที่ 7 (นับตั้งแต่กระทรวงศึกษาฯได้รับการจัดสรรงบประมาณ) เป็นต้นไป (ตรวจสอบสิทธิ์ที่เว็บไซต์ https://regis-test.opec.go.th/)
  • กศน. จะโอนเงินไปยัง กศน.จังหวัด และกศน.อำเภอ ให้กับผู้ปกครองรับเงินสด หรือ ศูนย์การศึกษาเพื่อชุมชนในเขตภูเขา (ศศช.) ตั้งแต่วันที่ 7 (นับตั้งแต่กระทรวงศึกษาฯได้รับการจัดสรรงบประมาณ) เป็นต้นไป

 

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

  • จะโอนเงินให้กับเขตพื้นที่การศึกษา (สพป./สพม.) โอนต่อให้กับโรงเรียนในสังกัดทุกแห่ง
  • โอนเงินเข้าบัญชีผู้ปกครองตั้งแต่วันที่ 5 (นับตั้งแต่กระทรวงศึกษาฯได้รับการจัดสรรงบประมาณ)เป็นต้นไป ตามรายชื่อค่าใช้จ่ายรายหัวของนักเรียน
  • ตรวจสอบการมีสิทธิ์ตามโครงการ ที่เว็บไซต์ https://student.edudev.in.th/ 

สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา

  • โอนเงินต่อให้กับวิทยาลัย สถาบันอาชีวศึกษา/เทคนิค ทั่วประเทศ
  • แต่ละสถาบันจะโอนเงินให้กับผู้ปกครองเป็นเงินสด หรือรับที่วิทยาลัย ตั้งแต่วันที่ 5 (นับตั้งแต่กระทรวงศึกษาฯได้รับการจัดสรรงบประมาณ)เป็นต้นไป

ทั้งนี้ผู้ปกครองรับเงินเต็มจำนวน ต่อนักเรียน 1 คน โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดใด  

เงินเยียวยานักเรียน 2000บาท อนุบาล-ประถม-มัธยม-อาชีว-กศน. สรุปที่นี่

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) กล่าวตอนหนึ่งว่า ภายใต้ภาวะวิกฤติในปัจจุบัน กระทรวงศึกษาธิการให้ความสำคัญกับเด็กและเยาวชน รวมถึงผู้เรียนในทุกระดับชั้น ให้ได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมถ้วนหน้า โดยคำนึงถึงการลดภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ปกครองนักเรียน รวมถึงคุณครูที่เป็นด่านหน้าในการจัดการศึกษาให้แก่นักเรียน

กระทรวงศึกษาธิการจึงได้ออกมาตรการลดภาระทางการศึกษา เพื่อเยียวยาและบรรเทาความเดือดร้อนของนักเรียน ครู และผู้ปกครอง ทั่วประเทศ

เงินเยียวยานักเรียน 2000บาท อนุบาล-ประถม-มัธยม-อาชีว-กศน. สรุปที่นี่

มาตรการที่ 1

การจ่ายเงิน “เยียวยานักเรียน” ทุกคนทุกสังกัด คนละ 2,000 บาท โดยผู้ปกครองรับเงินเต็มจำนวน ต่อนักเรียน 1 คน โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา ให้แก่นักเรียนนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาสังกัด ศธ. ทั้งภาครัฐและเอกชน

รวมถึงสถานศึกษานอกสังกัด ศธ. อาทิ โรงเรียนสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และโรงเรียนทุกสังกัดที่เปิดสอนการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล-ม.6 และอาชีวศึกษา ซึ่งมีอยู่ราว 11 ล้านคน รวมทั้งสิ้น 22,000 ล้านบาท คาดว่าจะได้รับภายในวันที่ 31 สิงหาคมถึงต้นเดือนกันยายนนี้

 

มาตรการที่ 2

อินเทอร์เน็ตฟรีสำหรับการเรียน ซึ่งได้รับความร่วมมือจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในการสนับสนุนอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์สำหรับการเรียนออนไลน์ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองที่มีบุตรหลานเป็นนักเรียนในระดับชั้นอนุบาล-มัธยมศึกษา สังกัด สพฐ.

รวมถึงนักเรียนนักศึกษาสังกัดอาชีวศึกษา และสังกัด กศน. ที่มีการเรียนการสอนแบบออนไลน์ จำนวน 3.6 ล้านคน รวมมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท ในช่วงระหว่างวันที่ 15 สิงหาคมถึง 15 ตุลาคม 2564 (2 เดือน) โดยสนับสนุนใน 2 รูปแบบ คือ

แบบที่ 1 : ช่วย Top-up แพ็กเกจอินเทอร์เน็ตมือถือให้เบอร์ที่นักเรียนใช้เรียนออนไลน์ ทั้งระบบเติมเงินและรายเดือน สามารถใช้งานแอปพลิเคชันเพื่อการเรียนการสอนได้แบบไม่จำกัด อาทิ Microsoft Teams, Google Meet, ZOOM, Cisco Meeting, WebEx และ Line Chat พร้อมอินเทอร์เน็ตอีก 2GB สำหรับการใช้งานอื่นๆ

แบบที่ 2 : ช่วยจ่ายค่าอินเทอร์เน็ตบ้าน โดยหักจากบิลค่าบริการ เดือนละ 79 บาท (ยังไม่รวม VAT) เป็นเวลา 2 เดือน ซึ่งนักเรียนสามารถเลือกรับสิทธิได้อย่างใดอย่างหนึ่ง และรับได้ 1 คนต่อ 1 สิทธิ

เงินเยียวยานักเรียน 2000บาท อนุบาล-ประถม-มัธยม-อาชีว-กศน. สรุปที่นี่

มาตรการที่ 3

การลดภาระงานครูและนักเรียน โดยให้ครูลดการรายงานและโครงการต่างๆ ให้คงไว้เฉพาะที่จำเป็น ส่วนนอกเหนือจากนี้ให้ชะลอไปก่อนจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น รวมถึงลดการประเมินต่างๆ ทั้งที่เป็นงานของหน่วยงานภายในและภายนอก ให้เหลือ 3 โครงการ หรือ 1% จากเดิมที่มี 72 โครงการ หรือ 32% เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสอนของครูให้มากขึ้น

ขณะที่การลดภาระนักเรียน เพื่อให้เด็กได้เรียนในสิ่งที่ต้องเรียนอย่างเต็มที่ ให้ครูและผู้ปกครองร่วมกันส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้ โดยให้การบ้านเท่าที่จำเป็น เน้นหลักฐานการเรียนรู้มากกว่าการสอบ เช่น ภาระงาน การบ้าน พฤติกรรมของนักเรียน เป็นต้น

รวมถึงการนับเวลาเรียนรูปแบบใหม่ ที่จะนับเวลาเมื่อนักเรียนเกิดการเรียนรู้ เช่น การเรียนออนไลน์ การทำการบ้าน หรือการออกกำลัง ซึ่งการนับเมื่อเกิดการเรียนรู้จะช่วยลดความตึงเครียด ให้ครูและนักเรียนได้จัดการเรียนรู้ในรูปแบบที่หลากหลาย ไม่ต้องเรียนผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนเพียงอย่างเดียว

“นอกจากนี้ ต้องมีการปรับเปลี่ยนการใช้งบประมาณต่างๆ โดยเฉพาะงบอุดหนุนรายหัวในบางรายการที่เดิมกำหนดไว้ชัดเจนว่าจะต้องใช้จ่ายในเรื่องนี้เท่านั้น เช่น งบหนังสือจะต้องซื้อหนังสือเท่านั้น ในส่วนนี้ต้องปรับให้มีความยืดหยุ่นเพื่อให้สถานศึกษานำไปลดภาระครูต่อไป ซึ่งการปรับงบประมาณบางรายการต้องขออนุมัติจาก ครม. โดยกระทรวงศึกษาธิการจะเร่งทำเรื่องเสนอให้ ครม. พิจารณาโดยเร็ว ส่วนงบไหนที่กระทรวงฯสามารถปรับแก้ระเบียบเองได้ จะเร่งเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) พิจารณาเห็นชอบโดยเร็ว เพื่อให้ครูมีความยืดหยุ่นในการทำงาน และพัฒนาการเรียนการสอนได้โดยเร็ว” รมว.ศธ. กล่าว