มิตซูบิชิ ผนึกพันธมิตรพลิกโฉมการผลิตอัจฉริยะ ด้วย 5G

29 ก.ค. 2564 | 08:32 น.

Mitsubishi Electric ยกระดับโมเดลไลน์ e-F@ctory ร่วมกับ ทรู คอร์ปอเรชั่น และเลิศวิลัย นำเทคโนโลยี 5G เตรียมพลิกโฉมสายการผลิตอัจฉริยะ ต่อยอดโซลูชั่นสำหรับยุคอุตสาหกรรม 4.0

นายวิเชียร งามสุขเกษมศรี กรรมการบริหาร บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค แฟคทอรี่ ออโตเมชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า “สำหรับในประเทศไทย อุตสาหกรรม 4.0 เป็นโครงการเชิงยุทธศาสตร์ที่เน้นความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมการผลิต การสร้างโรงงานอัจฉริยะที่ใช้ระบบอัตโนมัติ หรือ Robot จำเป็นต้องใช้ข้อมูลหน้างานในแบบเรียลไทม์ และการเชื่อมต่อกับระบบ IT อย่างมีประสิทธิภาพ”

 

ดังนั้นโครงการ e-F@ctory  มิตซูบิชิ อีเล็คทริค จึงได้ร่วมมือกับทรู คอร์ปอเรชั่น นำเทคโนโลยี 5G ที่เร็วและมีเสถียรภาพมาใช้ในการพลิกโฉมสายการผลิตอัจฉริยะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการวางแผนการผลิต การปรับปรุงคุณภาพ  ลดต้นทุนการผลิต  ควบคุมค่าใช้จ่าย และความปลอดภัยของข้อมูล

 

ซึ่งเทคโนโลยี 5G จะช่วยตอบโจทย์ทั้งในเรื่องสปีดความเร็วสูง ความหน่วงต่ำ และการเชื่อมต่อ IoT ได้อย่างสมบูรณ์  เพราะไลน์การผลิตต้องมีการส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์จากตัวเซ็นเซอร์ต่างๆ เพื่อนำไปประมวลผลและนำกลับมาบริหารจัดการไลน์การผลิต นับเป็นการพัฒนาประเทศไทยไปสู่ภาคอุตสาหกรรมที่เป็น Automation เต็มรูปแบบ และยกระดับไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 โดยใช้เทคโนโลยี 5G เป็นตัวช่วยขับเคลื่อน

 

ทางด้าน นายพิรุณ ไพรีพ่ายฤทธิ์ หัวหน้าคณะทำงานและกรรมการยุทธศาสตร์ 5G บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “นับเป็นโอกาสดีที่เราได้พาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่ง อย่างมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ร่วมกันพัฒนาโซลูชั่น e-F@ctory บนแพลตฟอร์มที่จะโชว์ศักยภาพของเทคโนโลยี 5G  ทำให้เกิดสายการผลิตที่ไม่มีมนุษย์ 100% ให้เกิดขึ้นได้จริง”

 

ทั้งนี้ Mitsubishi Electric ในฐานะผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ ระบบ Automation ครบวงจรที่ช่วยลดหรือประหยัดการใช้พลังงาน ได้นำความรู้ทั้งหมดเชื่อมต่อกันเพื่อใช้บริหารจัดการโรงงาน และมีการนำระบบ e-F@ctory ซึ่งเป็นการผนวก Factory Automation กับ IT มาใช้กับลูกค้าเพื่อนบ้านในประเทศญี่ปุ่นมากว่า 10 ปี ปัจจุบันมีพันธมิตรที่ทำโซลูชั่นประมาณ 900 กว่าบริษัท และได้ทำ e-F@ctory นี้ให้กับโรงงานทั่วโลกกว่า 10,000 โรงงาน

 

อย่างไรก็ดีการติดตั้งระบบ Factory Automation ในสถานประกอบการหรือโรงงานผลิตในยุคอุตสาหกรรม 4.0 นับเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องลงมือทำ ซึ่งในปี 2020 ที่ผ่านมา มิตซูบิชิ อีเล็คทริค ได้ร่วมมือกับ สกพอ. และมหาวิทยาลัยบูรพา จัดตั้งโครงการความร่วมมือพัฒนากำลังคนและถ่ายทอดเทคโนโลยีอุตสาหกรรม 4.0 ผ่านเครือข่าย “EEC Automation Park” ศูนย์การเรียนรู้และพัฒนาบุคลากรด้านหุ่นยนต์และระบบออโตเมชั่น

 

นำความเชี่ยวชาญและความพร้อมด้าน Factory Automation ติดตั้งโมเดลไลน์ e-F@ctory และจัดอบรมส่งมอบความรู้สู่ภาคแรงงาน โดยเป็นโรงงานอัจฉริยะที่มีเทคโนโลยีอุตสาหกรรมขั้นสูง สามารถปฏิบัติงานได้จริงทั้งกระบวนการ ซึ่งเป็นชุดจำลองแต่สามารถใช้งานได้จริง เพื่อให้ผู้มาอบรมได้เห็นกระบวนการทำงานของระบบอัตโนมัติ หรือออโตเมชั่นในภาพรวมทั้งกระบวนการ

 

อีกทั้งยังมีห้องปฏิบัติการ และชุดฝึก เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ทดลองปฏิบัติจริง เสมือนเป็นการจำลองโรงงานมาไว้ในห้องเรียน โดย e-F@ctory แบ่งระดับโครงสร้างหลักออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ไลน์การผลิต เพิ่มกำลังการผลิตและลดต้นทุนค่าใช้จ่ายผู้ประกอบการโดยรวม ด้วย iQ platform ที่ผสานการทำงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ ในระบบอัตโนมัติเข้าด้วยกัน

เทคโนโลยี Edge Computing ที่ใช้ในการเชื่อมต่อเครื่องจักรในระบบอัตโนมัติ  และระบบสารสนเทศ ทำให้การรวบรวมและการวิเคราะห์ข้อมูลกลายเป็นเรื่องง่ายด้วยโมดูล MES Interface ที่สามารถส่งผ่านข้อมูลการผลิตไปสู่ระบบ MES ได้โดยตรงแบบ Real-time

 

และระบบ IT ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้สนับสนุนหน้าที่งานด้านการผลิตและการดำเนินงาน ซึ่งการสนับสนุนจากพันธมิตร True 5G จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโดยรวม ด้วยเทคโนโลยีสื่อสารไร้สายอัจฉริยะที่จะเชื่อมต่ออุปกรณ์ทั้งหมดด้วย IoT ทำให้การเชื่อมต่อข้อมูลได้ทุกระดับ

 

รวมถึง มิตซูบิชิ อีเล็คทริค ยังได้จัดทำหลักสูตรด้าน Automation & Robotic ถือเป็นสายตรงของอุตสาหกรรม 4.0 เพื่อฝึกอบรมบุคลากรไทยให้มีความเชี่ยวชาญ และมุ่งเน้นพัฒนาบุคลากรและพัฒนาอุตสาหกรรมไทยไปพร้อมๆกัน ซึ่งปัจจุบันสามารถฝึกอบรมและสร้างบุคลากรกว่า 3,000 คนต่อปี

 

“หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเมื่อบุคลากรพร้อม ระบบ 5G พร้อม สินค้า Automation ซึ่งเป็นฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์พร้อม จะสามารถตีคู่ไปกับจำนวนโรงงานที่เพิ่มขึ้นในระบบอุตสาหกรรม 4.0 และจำนวนบุคลากรที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อันนี้คือสิ่งที่เราคาดหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะยกระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรมไทยได้”