"ฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อ" หมอธีระวัฒน์เปิด 10 ความจำเป็นของแนวทางปฏิบัติ

13 ก.ค. 2564 | 09:50 น.

หมอธีระวัฒน์เปิดที่มาที่ไปของการฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อ พร้อมระบุ 10 ความจำเป็นในแนวทางปฏิบัติ ชี้เป็นการถกกันในระดับเวทีองค์การอนามัยโลกและในระดับสาธารณสุขของประเทศต่างๆและไม่เว้นกระทั่งในประเทศจีน

รายงานข่าวระบุว่า ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา (หมอธีระวัฒน์) ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว (ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha)โดยมีข้อความว่า 
วัคซีนหรรษา (อย่าลืมคัดกรองแยกตัวสนุกสนาน และมีวินัยแจ่มใส) ไม่มีอะไรน่าหวาดกลัว 13 กรกฎาคม 2564
ข้อมูลไม่ได้เป็นการอวย เอื้อ หรือ ต่อต้าน แทรกแซง ทางการใดๆทั้งสิ้น เป็นการชี้ให้เห็นความสำคัญของสองปัจจัยนั่นคือ ระดับภูมิที่วัดจากในเลือดควรมีระดับสูงอยู่คงนานและนอกจากนั้น ยังต้องขึ้นอยู่กับว่าระดับภูมิที่สูงดังกล่าวได้จากวัคซีนชนิดใดที่มีในปัจจุบัน จึงจะสามารถเจาะจงกับสายพันธุ์อื่นๆได้ ไม่ใช่สูงอย่างเดียว
การใช้วัคซีนไขว้ สลับสับเปลี่ยน หรือตามซ้ำด้วยต่างยี่ห้อต่างเทคนิค กลายเป็นเรื่องสนุกสนาน หรรษาไปตามกัน ในเดือนกรกฎาคม 2564 และกลายเป็นเรื่องพูดกันไม่รู้จบและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางด้านนโยบาย ซิโนแวคตามด้วยแอสตร้า
แท้ที่จริงแล้วเนื้อหาเบื้องลึกเบื้องหลังการไขว้ ไปมาดังกล่าวมีที่มาที่ไปในช่วงตั้งแต่สามถึงสี่เดือนที่แล้วด้วยซ้ำทั้งนี้เป็นการถกกันในระดับเวทีองค์การอนามัยโลกและในระดับสาธารณสุขของประเทศต่างๆและไม่เว้นกระทั่งในประเทศจีนเองที่เป็นเจ้าของตำรับวัคซีนเชื้อตายชิโนแวค ชิโนโนฟาร์ม ตั้งแต่ 13 เมษายน 2564

ความจำเป็นในการไขวัเริ่มมาตั้งแต่
1.เป็นภาคบังคับเนื่องจากวัคซีนแต่ละยี่ห้อออกมาไม่ทันใช้ ดังนั้นจึงต้องหายี่ห้ออื่นมาควบรวม

"ฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อ" หมอธีระวัฒน์เปิด 10 ความจำเป็นของแนวทางปฏิบัติ
2.ความต้องการที่จะให้ภูมิคุ้มกันในน้ำเหลืองสูงที่สุดและอยู่ให้คงนานที่สุด เพื่อให้มีการป้องกันการติดเชื้อได้นานและดียิ่งขึ้น นำมาสู่การใช้เข็มที่หนึ่งเป็นแอสตร้า ตามด้วยไฟเซอร์หรือโมเดอร์นา (Moderna)
3.แต่เมื่อเจอกับสายพันธุ์เช่นเดลต้าแม้มีภูมิในระดับสูงจริง แต่ประสิทธิภาพเฉพาะตัวต่อเดลต้า กลับลดลงค่อนข้างมาก
4.นำมาสู่ การกระตุ้น เข็ม 3 โดยหวังว่าระดับภูมิที่ สูงมากๆยังพอที่จะช่วยกันการติดได้เพื่มขึ้นแม้ต่างสายพันธุ์ออกไป แต่ทั้งนี้ต้องจับตาดูว่าการที่มีระดับภูมิจริงแต่ไม่เหมาะเหม็งกับสายพันธุ์ใหม่ กลับจะทำให้เมื่อติดเชื้ออาการกลับรุนแรงขึ้นหรือไม่ (Vaccine enhanced COVID-19 severity)และนำไปสู่การพัฒนาวัคซีนรุ่นที่สองที่มีความจำเพาะเจาะจงกับสายพันธุ์ที่เปลี่ยนไปเช่นวัคซีนไฟเซอร์ที่จะเริ่มในเดือนสิงหาคม และวัคซีนของคนไทยคือวัคซีนใบยาที่จะปรับเปลี่ยนไปตามกัน
5.ประเทศไทยใช้วัคซีนต่างจากในประเทศตะวันตกคือใช้วัคซีนเชื้อตายอย่างเช่นในบราซิล อินโดนีเซีย และชิลี ในประเทศไทยพบว่าเดือนแรกหลังเข็มที่สองของชิโนแวค ดูจะกันการติดเชื้อได้ดี แต่ในเดือนที่สองสังเกตุการติดเชื้อดูมากขึ้นและดูมีอาการเห็นได้ชัดเจนขึ้น พ้องกับระดับภูมิที่ลดต่ำลงอย่างรวดเร็วและจาก 90 กว่าเปอร์เซนต์ด้วยซ้ำเหลือเพียง 30 ถึง 40%
6.ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวพบได้ในชิลี ซึ่งมีการติดตามประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อและป้องกันการเข้าโรงพยาบาลและการตายได้ดีมากจากชิโนแว็ค จนกระทั่งถึงวันที่ 1 พฤษภาคม แต่หลังจากนั้นกลับรุนแรงขึ้นมาใหม่และเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย
7.ความรุนแรงของการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นรวมทั้งอาการที่มากขึ้น น่าจะไม่สามารถอธิบายได้จากการลดระดับของภูมิในเลือดอย่างเดียว ทั้งนี้อาจจะร่วมกับสายพันธุ์เช่นเดลต้า
ทั้งนี้เพราะในประเทศไทยการคัดเลือกคนที่ได้รับซิโนแวคสองเข็ม และระดับภูมิยังคงสูงกว่า 70% เช่นที่ 87 จนถึง 92%  แต่เมื่อแยกวิเคราะห์ความสามารถต่อสู้กับไวรัสพบว่าลดลงอย่างมากทั้งสายอัลฟาและเดลตา

8.คนไทยที่ได้ซิโนแวค (Sivovac) 2 เข็ม สู้กับไวรัสอัลฟา และเดลตา ได้น้อยกว่า แอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca)2 เข็ม ที่ระดับภูมิมากกว่า 90%เหมือนกัน
9.ที่ได้ซิโนแวค และต่อด้วย แอสตร้า ภูมิที่ระดับ สูงกว่า70% ดีกว่าซิโนแวคสองเข็ม ในการสู้กับอัลฟา เดลตา แต่ยังมีประสิทธิภาพจำกัด ไม่เหมือนกับซิโนแวคสองเข็มและต่อด้วยแอสตร้าภูมิจะดีขึ้นมากและต่อสู้ได้ดีมากต่ออัลฟาและเดลต้า
10.ในเรื่องของวัคซีนจบลงที่ว่าการดูระดับภูมิกลายเป็นสูงเกิน 90% ยิ่งดี แต่ต้องพ่วงด้วยความสามารถเฉพาะเจาะจงต่อชนิดของไวรัสด้วย ดังนั้นจะขึ้นกับชนิดของวัคซีนด้วย
สำหรับประเด็นเรื่องการ "ฉีดวัคซีนสลับนี่ห้อ" นั้น "ฐานเศรษฐกิจ" พบว่า เกิดจากเมื่อวันที่ 12 กรกฏาคม 64 คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติได้มีมติเห็นชอบแนวทางดังล่าว ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
หากเข็มที่ 1 เป็นวัคซีนซิโนแวค เข็มที่ 2 ให้เป็นวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า โดยให้ห่างจากเข็มแรก 3-4 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อกลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลตา โดยจะสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสให้อยู่ในระดับที่สูงได้เร็วมากขึ้น ใกล้เคียงกับผู้ที่ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม แต่ใช้ระยะเวลาสั้นกว่า 
ในกรณีผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มแรกเป็นแอสตร้าเซนเนก้า ให้รับเข็ม 2 เป็นแอสตร้าเซนเนก้าเช่นเดียวกัน โดยมีระยะห่างระหว่างเข็ม 12 สัปดาห์