เคาะแล้ว 23ก.ค.นี้ โอนเงินเยียวยา ม.33-นายจ้าง 6จังหวัดสีแดงเข้ม

06 ก.ค. 2564 | 10:20 น.

โฆษกรัฐบาล เผย ที่ประชุมครม.เห็นชอบ 23 ก.ค.นี้ โอน "เงินเยียวยา" ให้กับนายจ้างและลูกจ้างผู้ประกันตนมาตรา 33 ใน 4 กิจการ พื้นที่ 6 จังหวัดสีแดงเข้ม ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์

วันที่ 6 ก.ค. 64 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)  อนุมัติโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด กรุงเทพมหานครและปริมณฑล (สีแดงเข้ม) ได้แก่ จังหวัดนครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร  กรอบวงเงินจำนวน 2,519.38 ล้านบาท 

โดยจะช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ได้แก่ 

  • นายจ้าง
  • ผู้ประกันตน มาตรา 33 

ใน 4 ประเภทกิจการได้แก่ 

  1. กิจการก่อสร้าง 
  2. กิจการที่พักแรมและบริการด้านอาหาร 
  3. กิจการศิลปะ ความบันเทิงและนันทนาการ 
  4. กิจการกิจกรรมการบริการด้านอื่นๆที่ได้รับผลกระทบ

หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการฯ ดังนี้

  1. นายจ้างที่อยู่ในฐานข้อมูลประกันสังคม ณ วันที่ 28 มิถุนายน 2564 หรือนายจ้างที่ขึ้นทะเบียนใหม่ตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน – 30 กรกฎาคม 2564 จำนวน 41,940 ราย โดยจะได้รับเงินเยียวยาในอัตรา 3,000 บาทต่อลูกจ้างหนึ่งคน สูงสุดไม่เกิน 200 คนต่อแห่ง
  2. ผู้ประกันตนมาตรา 33 จำนวน 663,916 ราย จะได้รับเงินเยียวยาในอัตรา 2,000 บาทต่อคน ทั้งนี้กรณีที่ผู้ประกันตนทำงานกับนายจ้างมากกว่า 1 ราย ให้มีสิทธิได้รับเงินเยียวยาเพียงครั้งเดียวในอัตรา 2,000 บาท 

สำหรับวิธีการจ่ายเงินเยียวยานั้น กรณีบุคคลธรรมดาและผู้ประกันตนมาตรา 33 จะโอนผ่านบัญชีพร้อมเพย์ (PromptPay) เฉพาะการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชน

กรณีนายจ้างที่เป็นนิติบุคคล สำนักงานประกันสังคมจะโอนเข้าบัญชีเงินฝากตามที่นายจ้างแจ้ง หรือตามวิธีการอื่นๆที่กระทรวงแรงงานกำหนด 

"โดยเริ่มโอนเงินเยียวยาครั้งแรกภายในวันที่ 23 กรกฎาคม 2564 และโอนเงินซ้ำทุกสัปดาห์ละ 1 ครั้ง"นายอนุชา กล่าว

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังเผยว่า ที่ประชุม ครม. ยังมอบหมายให้สำนักงานประกันสังคม เร่งลงทะเบียนนายจ้าง และให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานตรวจสอบนิติสัมพันธ์ความเป็นนายจ้างลูกจ้างของนายจ้างที่ขึ้นทะเบียนประกันสังคมรายใหม่ในช่วงวันที่ 29 มิถุนายน - 30 กรกฎาคม 2564 

เพื่อยืนยันว่ามีการประกอบธุรกิจและมีการจ้างงานตามจำนวนที่แจ้งขึ้นทะเบียนประกันสังคมไว้จริง  รวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์ให้นายจ้างรายใหม่ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบประกันสังคมมากขึ้นด้วย