ครม.เคาะซื้อ"วัคซีนซิโนแวค" อีก10.9ล้านโดส มอบ อภ.ลงนาม"โมเดอร์นา" 

06 ก.ค. 2564 | 09:40 น.

โฆษกรัฐบาล เผยมติครม. เคาะงบเงินกู้ 6.1 พันล้านบาท จัดหาวัคซีนโควิด-19 "ซิโนแวค" เพิ่มเติมจำนวน 10.9 ล้านโดส และให้ องค์การเภสัชกรรม ลงนามสัญญาจัดหา "วัคซีนโมเดอร์นา" 

วันที่ 6 มิ.ย. นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยมติคณะรัฐมนตรี อนุมัติโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับบริการประชาชนในประเทศไทยเพิ่มเติม จำนวน 10.9 ล้านโดส ยี่ห้อ ซิโนแวค (Sinovac) กรอบวงเงิน 6,111.412 ล้านบาท  

โดยจะจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ใช้เทคโนโลยีอื่นและสามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์สูงกว่าควบคู่ไปด้วยในจำนวนการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 จำนวน 10.9 ล้านโดส เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประชาชน ตามแผนการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในส่วนที่เหลือเพื่อให้สามารถจัดหาวัคซีนให้แก่ประชาชนให้ครบ 150 ล้านโดส ภายในไม่เกินไตรมาสที่ 2 ของ ปี 2565  

รูปแบบโครงการฯ เป็นการจัดหาวัคซีนโควิด-19 สำหรับสร้างภูมิคุ้มกันโรคแก่บุคลากรและประชาชนกลุ่มเสี่ยง 4 กลุ่ม ระยะเวลาดำเนินการ 2 เดือน (กรกฎาคม-สิงหาคม)ได้แก่

  1. บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข
  2. ประชาชนที่มีโรคประจำตัวตามที่กำหนด
  3. ประชาชนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป
  4. เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด -19 ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย  

ครม.เคาะซื้อ"วัคซีนซิโนแวค" อีก10.9ล้านโดส มอบ อภ.ลงนาม"โมเดอร์นา" 

ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคกำหนดจัดหาวัคซีนโควิด-19 ในเดือนกรกรกฎาคม จำนวน 3,894.8000  ล้านบาทและเดือนสิงหาคม จำนวน 2,169.9600 ล้านบาท โดยมีค่าบริการจัดการวัคซีนโควิด-19 และในส่วนที่เกี่ยวข้องอีก 46.6520 ล้านบาท รวมวงเงินทั้งสิ้น 6,111.4120 ล้านบาท  

“สำหรับวัคซีนจากบริษัท Sinovac จำนวน 10.9 ล้านโดส เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงวัคซีนโควิด-19  ตามนโยบายรัฐบาล สร้างภูมิคุ้มกันโรคแก่ประชาชน ลดอัตราการป่วย/เสียชีวิต รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วย” นายอนุชา ฯ กล่าว

นอกจากนี้ นายอนุชา กล่าวด้วยว่า ในส่วนของ "วัคซีนโมเดอร์นา"  ต้องถือว่าเป็นวัคซีนที่เป็นทางเลือกที่ประชาชนจะต้องชำระเงินกับภาคเอกชนในการฉีดวัคซีน 

ซึ่งครม.เห็นชอบให้กระทรวงสาธารณสุข โดยองค์การเภสัชกรรม เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการจัดหาวัคซีนโมเดอร์นา และมอบให้ผอ.องค์การเภสัชลงนามในสัญญา พร้อมกับรับข้อสังเกตจากอัยการสูงสุดในการนำไปเจรจาเพื่อความเหมาะสมในสัญญา