"หมอธีระวัฒน์" ค้านล็อกดาวน์ ชงรัฐ ทำมาตรการเชิงรุกทั่วประเทศ

23 ธ.ค. 2563 | 22:30 น.

"หมอธีระวัฒน์" ย้ำ ไทยยังไม่ถึงเวลา ประกาศล็อกดาวน์ ปิดประเทศ หวั่นธุรกิจพินาศ แนะทางออก สกัดโควิดรอบใหม่ รัฐต้องทำมาตรการเชิงรุก คัดแยก -​ คัดกรองหาเชื้อ อย่างเต็มที่ 100% ทั่วประเทศ

ศ.นพ. ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้า ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะ แพทยศาสตร์ รพ.จุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย ระบุถึง สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่มีต้นตอมาจากแรงงานชาวเมียนมาร์ในจังหวัดสมุทรสาคร จนนำมาสู่ ผู้สัมผัสใกล้ชิดจำนวนมาก ติดเชื้อและแพร่กระจายเป็นวงกว้างหลายจังหวัด 


ขณะที่รัฐบาลอยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์ และเคาะแนวทางในการรับมือ  ซึ่งอาจมีความเป็นไปได้ที่จำเป็นจะต้องประกาศ ปิดพื้นที่ หรือ ล็อกดาวน์ประเทศอีกครั้ง ว่า ขณะนี้ ยังไม่ถึงเวลาปิดประเทศ ปิดจังหวัด ปิดเมือง เพราะอาจส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและเศรษฐกิจรุนแรงกว่าครั้งก่อนหน้า


โดยในทางปฎิบัตินั้น ควรพิจารณา เป็นรายกรณีไป พร้อมแนะให้รัฐนำมาตรการเชิงรุกในแนวทางต่างๆ ตั้งแต่การแยกกลุ่มเสี่ยง-การคัดกรอง และตรวจหาโรค มาปฎิบัติใช้อย่างเต็มที่ 100 % โดยเฉพาะการตรวจเลือด  2 ครั้ง เว้นระยะ5วัน ดังนี้

 

1-กลุ่มคนเสี่ยง เช่น แรงงานต่างชาติไม่ว่าจังหวัดใดก็ตาม (เพราะมีการไปมาหาสู่กันตลอด) ต้องแยกห่างจากกันเป็นบุคคล ไม่ใช่อยู่เป็น  กลุ่มก้อนในพื้นที่แออัด ห้องเดียวกัน เหมือนเดิม จะกลายเป็น “ห้องเพาะเชื้อ” ... ทราบว่ายาก แต่ “ต้องทำ” เรือสำราญค่อยๆติดกันจนครบทุกคนในลำเรือเพราะเหตุนี้

 

2- การต้องแยกตัวจากกันนั้นยังคงต้องกระทำจนกระทั่งแน่ใจแล้วว่า คนนั้นไม่มีการติดเชื้อแพร่เชื้อจริง ไม่ใช่ หาเชื้อไม่เจอครั้งเดียว สรุปได้ว่าไม่มีเชื้อเพราะการแยงจมูกครั้งเดียวสรุปอะไรไม่ได้

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดไทม์ไลน์ ผู้ติดเชื้อโควิด 2 ราย อ.บางบัวทอง นนทบุรี

พรุ่งนี้ ลุ้น ศบค.เคาะล็อกดาวน์ – งดจัดงานเคานต์ดาวน์ปีใหม่

เปิดรายชื่อจังหวัดไหน "ประกาศล็อกดาวน์"

 

3- เริ่มกระบวนการคัดกรองแบบใหม่หมด เจาะเลือดปลายนิ้ว 2 ครั้ง ครั้งที่สองห่างจากครั้งแรกห้าวัน แต่ในระหว่างนั้นยังคงต้องแยกตัวระยะห่าง ถ้าผลเลือดเป็นลบในครั้งที่สอง โอกาสที่จะติดเชื้อน้อยลง จนอาจไม่มีเนื่องจากการเจาะเลือดปลายนิ้วต้องการชุดตรวจที่มีความไวร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่สนใจว่าจะไวเกินไป + เกินไปหรือไม่เพราะเราต้องการแยกไม่ให้มีการแพร่ระบาด

 

4- ในกรณีที่ผลเลือดเป็นลบเพื่อสร้างความมั่นใจสูงสุดกันไม่ให้เชื้อออกจากตัวใส่หน้ากากกำชับระยะห่างต้องล้างมือต่ออีกจนครบ 14 วันแต่ไม่ถูกกักเดี่ยว

 

5- ในกรณีที่ผลเลือดเป็นบวก  ไม่ว่าจะจากการตรวจครั้งที่หนึ่งหรือครั้งที่สองก็ตามเข้ากระบวนการหาเชื้อแยงจมูกวันแรก วันที่เจ็ดและวันที่ 14 และจนกระทั่งเชื้อหายไปหมดติดต่อกันสองครั้งสองวัน จึงจะสรุปว่าเริ่มสะอาด และยังคงให้ใส่หน้ากากกำชับระยะห่างต่ออีก 14 วันเพราะเชื้ออาจกำเริบปะทุขึ้นมาใหม่ได้

 

6- ทางเลือกที่ดีอีกวิธีจากข้อห้าคือไม่ต้องแยงจมูกหาเชื้อใดๆทั้งสิ้น แยกตัวเองออกจากคนอื่น มีคนส่งน้ำส่งข้าวให้ คอยดูว่าจะมีอาการหรือไม่ค่อยส่งโรงพยาบาลทันที เพื่อช่วยชีวิตตัวเอง

อยู่ดี 14 วันออกมาชมโลกได้แล้วแต่ยังคงต้องใส่หน้ากากล้างมือบ่อยๆแยกตัวออกห่างจากคนอื่นอย่างน้อยอีก 14 วัน 
ทั้งนี้เชื้อก็จะค่อยๆหายไปเองและโรคก็สงบไปเอง


7- มาตรการเชิงรุก ขยายทั่วประเทศ รวมคนไทยและไม่ได้จำกัดเฉพาะคนที่ไปสมุทรสาคร ทั้งนี้เนื่องจากเชื้อกระจัดกระจายไปหลาย 10 จังหวัดแล้ว ตรวจทั้งคนที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเข้าข่ายที่ประกาศหรือไม่ก็ตาม ต้องไม่ลืมว่า โควิด-19 ไม่ได้มีอาการไอ น้ำมูกไหล เจ็บคอไข้ ลิ้นไม่รับรส จมูกไม่ได้กลิ่น แต่ออกมาในรูปผื่นก็ได้ ท้องเสียก็ได้ ตามัวก็ได้ ปวดหัวก็ได้ และอื่นๆ

 

8- นี่คือเชิงรุกจริงๆ การตรวจปลายนิ้ว ครั้งละ 100 บาท 

 

9- งบการตรวจเชิงรุก ใครมีกำลังทรัพย์ออกเอง ถ้าไม่มีเราต้องช่วยกันสมทบทุน ใบยา ของมูลนิธิ CU enterprise ไม่ต้องเบียดด งบกลางของประเทศ

 

10- ที่กล่าวมานี้แน่นอนไม่ใช่ 100% รับประกัน 


แต่แน่นอนว่าไม่ถึงต้องปิดประเทศ และถ้าเรามีวินัยร่วมด้วย

 

หลักฐานการตรวจเลือดแล้วจากการเปรียบเทียบการตรวจเลือดปลายนิ้วของชุดตรวจใบยากับการตรวจเลือดมาตรฐานของศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลจุฬาสภากาชาดไทย จากผู้ป่วย และจากคนปกติ และคนที่ติดเชื้ออีกกลุ่มละหลาย 100 คน