จากดัชนีคุณภาพอากาศโดยสถานีตรวจวัดของกรุงเทพมหานคร ซึ่งพบพื้นที่ส่วนใหญ่ มีค่าฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน ( PM 2.5 ) อยู่ในระดับเริ่มมีผลต่อสุขภาพติดต่อกันหลายวัน ขณะล่าสุดเช้านี้ (15 ธ.ค) เว็บไซต์ Airvisual รายงานข้อมูลคุณภาพอากาศทั่วโลก 10 อันดับ โดยกรุงเทพมหานคร ถูกจัดอยู่ในอันดับ 6 ของเมืองมลพิษทางอากาศสูงสุดที่ 178 AQI นั้น
ร้อยตำรวจเอกพงศกร ขวัญเมือง ฐานะโฆษกกรุงเทพมหานคร ระบุว่า สาเหตุที่ขณะนี้ กทม.จะมีฝุ่นสะสมเพิ่มขึ้น เนื่องจากลมผิวพื้นสงบและกำลังอ่อนลง พร้อมกับมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมทางตอนบนของไทยมีกำลังอ่อนลง ทำให้อากาศปิด อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา กทม.ได้ดำเนินแผนป้องกันและแก้ปัญหาฝุ่นมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งระยะยาว และระยะที่ต้องดำเนินการทันที เช่น
1. ตรวจวัดรถยนต์ควันดำทุกประเภทร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามแผนที่กำหนด
2. ประสานสถานีตำรวจท้องที่อำนวยความสะดวกการจราจรหรือจัดการจราจรให้คล่องตัว
3. รณรงค์ไม่ขับ...ช่วยดับเครื่อง
4. ประชาสัมพันธ์ผู้ขับขี่รถยนต์หมั่นดูแลรักษาเครื่องยนต์
5. ขอความร่วมมือให้ประชาชนลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว เปลี่ยนมาใช้ระบบขนส่งมวลชน
6. ควบคุมสถานประกอบกิจการในพื้นที่ไม่ให้ปล่อยมลพิษอากาศเกินค่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนด อาทิ สถานประกอบกิจการประเภทการผลิตภาชนะด้วยโลหะ หรือแร่ การถลุงแร่ การเลื่อย ซอย ไสไม้ การผลิตสิ่งของเครื่องใช้จากไม้ การผลิต สะสม แบ่งบรรจุธูป การเผาถ่านหรือสะสมถ่าน กิจการที่มีการใช้ หม้อต้มไอน้ำ (Boiler) ที่ใช้เชื้อเพลิงน้ำมันเตาหรือดีเซล และการสะสม ผสมซีเมนต์ หิน ดิน ทราย วัสดุก่อสร้าง รวมทั้งการขุด ตัก ดูด โม่ บด หรือย่อย ด้วยเครื่องจักร
7. ควบคุมกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองจากการก่อสร้างทุกประเภท ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย พร้อมทั้งดูแลไม่ให้นำรถที่มีควันดำมาใช้งานบนถนน
8. ควบคุมไม่ให้มีการเผาขยะหรือการเผาในที่โล่งทุกประเภท
9. กำชับเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่ฌาปนกิจศพให้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ
10. เพิ่มความถี่ในการล้างและดูดฝุ่นถนน และฉีดล้างใบไม้
11. ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ แนะนำวิธีป้องกันสุขภาพอนามัยผ่านสื่อออนไลน์ของสำนักงานเขตและสื่อประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ของกรุงเทพมหานคร การประกาศเสียงตามสายของชุมชนและแอปพลิเคชันไลน์ของหมู่บ้าน และโรงเรียนในสังกัด เป็นต้น
อ่านข่าวเกี่ยวข้อง
ฝุ่น PM 2.5 กทม.-ปริมณฑลเช้านี้ มีผลกระทบต่อสุขภาพ
กทม.สำลักฝุ่น ขึ้นอันดับ 6 ของโลก
ส่วนการแก้ไขปัญหาฝุ่น วิธีหนึ่ง คือ การฉีดพ่นน้ำ-ละอองน้ำ ซึ่งมีหลากหลายความคิดเห็น ว่าช่วยสามารถลดฝุ่นได้จริงหรือไม่ โฆษก กทม. ได้เปิดเผยรายละเอียด พร้อมประเมินผลสำเร็จในวิธีการต่างๆดังนี้
1. ฉีดน้ำ ล้างต้นไม้ เพื่อชะล้างฝุ่น PM2.5 ที่เกาะอยู่กับใบไม้ และให้ใบไม้สะอาด เพื่อใช้ดักจับฝุ่นใหม่ต่อไป
2. ฉีดน้ำ ล้างถนน เพื่อล้างฝุ่น PM 10 ลงท่อระบายน้ำ ป้องกันฝุ่นไม่ให้ฟุ้งกระจายกล้บขึ้นมาในอากาศ
3. ฉีดน้ำ บริเวณเขตก่อสร้าง เพื่อลดการฟุ้งกระจายของฝุ่น PM 10 และไม่ให้แตกตัวเป็น PM 2.5
4. ฉีดน้ำ รอบอาคารสูงเกิน 100 เมตร หรือตึกสูงประมาณ 28 ชั้น เพื่อลดปริมาณฝุ่นรอบ ๆ อาคาร (ช่วยคนที่อยู่ภายในอาคาร)
ทั้งนี้ ชี้แจงเพิ่มเติมอีกว่า การฉีดพ่นน้ำขึ้นบนอากาศ และการใช้สปริงเกอร์ เป็นวิธีการที่ช่วยลดปริมาณฝุ่น PM2.5 ได้น้อยมาก
ฉะนั้น การฉีดพ่นน้ำเป็นแค่วิธีหนึ่งที่ช่วยลดฝุ่นลงได้บ้างแต่ไม่ใช่ทั้งหมด และที่สำคัญเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ หากจะช่วยลดฝุ่นได้ทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นกำเนิดของฝุ่น ต้องทำควบคู่ไปกับมาตรการตาม แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ของ กทม.