SCN หนุนบริษัทย่อย “SAP” สะสมกำลังการผลิตในมือกว่า 17 เมกะวัตต์

26 พ.ย. 2563 | 10:55 น.

SAP ทยอยจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วตั้งแต่เดือนเม.ย. คิดเป็นปริมาณรวม 5 MW (เมกะวัตต์ )หรือคิดเป็นรายได้ทั้งปีราว 27 ล้านบาท พร้อมสะสมกำลังการผลิตเป็น 17 MW และ 20 MW ตามลำดับภายในสิ้นปีนี้

บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN ผู้นำด้านธุรกิจพลังงาน พลังงานหมุนเวียน และยานยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือก เปิดเผยว่า บริษัทย่อยที่บริษัทเข้าไปลงทุน คือ บริษัท สแกน แอดวานซ์ เพาเวอร์ จำกัด หรือ SAP ได้ดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วตั้งแต่เดือนเมษายน และทยอย COD อย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันมีจำนวน COD แล้วแตะ 5 เมกะวัตต์ เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมา คิดเป็นรายได้ทั้งปีประมาณ 27 ล้านบาท ตามมาตรฐานบัญชีแบบ TFSR 16

 

โดยการจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ดังกล่าว ได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าให้กับ 10 โครงการ ได้แก่ บริษัท เค.เค.บี.บ้านโป่ง จำกัด บริษัท ไทยสตาร์ โพลีฟิล์ม จำกัด บริษัท เซ็นไทย พลาสติก จำกัด บริษัท ณฐาภพ จำกัด บริษัท แจ่มฟ้า ช้อปปิ้งมอลล์ จำกัด บริษัท ดาต้า เพาเวอร์ จำกัด บริษัท โบลท์ แอนด์ นัท อินดัสตรี้ จำกัด บริษัท ห้องเย็นท่าข้าม จำกัด บริษัท กาญจนา เฟรช พอร์ค จำกัด และ บริษัท สมบูรณ์ แพ็คเกจจิ้ง (888) จำกัด

 

ดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เผยว่า “ปัจจุบัน โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา หรือ Solar Rooftop ภายใต้การดำเนินงานของ SAP ได้ทยอยจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ไปแล้ว 10 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตรวม 5 เมกะวัตต์ (MW) โดยจะทำให้บริษัทรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 4/2563 เป็นต้นไป แม้ว่าช่วงต้นปีที่ผ่านมาการดำเนินงานอาจจะล่าช้าไปบ้างจากสถานการณ์โควิด-19 แต่ปัจจุบันบริษัทกลับมาเริ่มงานก่อสร้างและติดตั้งได้อย่างเต็มกำลังแล้ว ทำให้หลังจากนี้เราจะสามารถทยอย COD ให้แก่ผู้ประกอบการได้อย่างต่อเนื่อง”

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา SAP ได้จัดงานพิธีลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภาคเอกชน (Private PPA) ร่วมกับผู้ประกอบการจำนวน 11 ราย ส่งผลให้ปัจจุบันมีกำลังการผลิตในมือรวมกว่า 17 เมกะวัตต์ คิดเป็นเงินลงทุนรวมราว 460 ล้านบาท เมื่อ COD ครบทั้ง 17 MW แล้ว จะทำให้รับรู้รายได้เพิ่มขึ้นกว่า 82 ล้านบาทในปีหน้า (2564)โดย SCN เตรียมรับรู้กำไรในลักษณะ Share of Profit มากขึ้นจากโครงการ SAP ในสัดส่วน 53.5% 

 

นอกจากนี้ SAP ยังเป็นโครงการ Solar Rooftop ที่ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงินรายใหญ่ของประเทศ แสดงถึงความพร้อมด้านการลงทุนอย่างเต็มที่ ซึ่ง SAP ตั้งเป้าเดินหน้าสู่กำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ ภายในปลายปี 2563