"บริหาร บริการ และใส่ใจ"
ผู้นำนักวิศวะชาวฮ่องกง ที่มาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทยกว่า 30 ปีคนนี้ ยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ ว่า ให้นึกถึงคนขายรถ หรือขายประกัน พวกเขามีโปรดักส์ที่เหมือนกัน แต่ทำไมลูกค้าต้องมาซื้อรถจากคนขายคนนี้ หรือมาซื้อประกันกับตัวแทนคนนี้...นั่นก็เพราะ เขาให้บริการที่ดีและแตกต่าง ด้วยความใส่ใจที่จะเรียนรู้ความต้องการของผู้ซื้อ และนำความต้องการนั้นมาบริหารจัดการ จนสามารถมอบสิ่งที่ดีกว่าให้กับลูกค้าของเขา ซึ่งนั่นคือหัวใจในการทำธุรกิจของ "ซริ้งเฟล็กซ์" เช่นกัน
"ไมเคิล" เล่าว่า เขาก่อตั้งบริษัท ซริ้งเฟล็กซ์ ขึ้นเมื่อปี 2550 หลังจากเดินทางไปจีน เพื่อศึกษาดูงานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการพิมพ์ และพบว่าเมืองไทยยังไม่มีคนที่ทำธุรกิจนี้แบบครบวงจร ทั้งๆ ที่ผลิตภัณฑ์มากมายของไทย เป็นสินค้าส่งออกต่างประเทศ ซึ่งนั่นคือโอกาสทางธุรกิจ เขาและพาร์ทเนอร์จึงลงมือลุย ด้วยการทั้งซื้อและคิดพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ตลาด รวมไปถึงการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมตั้งแต่เริ่มต้น
"ผมทำธุรกิจไม่ค่อยเหมือนคนอื่น ผมมองละเอียด มองไกล ซีอีโอ ต้องมีวิสัยทัศน์ที่ดี มองได้ไกลไหม ดีไหม จริงไหม ...เราไม่ใช่แค่ลงทุนอย่างเดียว เราต้องขยายลูกค้า ถ้าเราไม่ขยาย เงินเราจะลดมูลค่าทันที กำไรลดลงทันที...เมื่อเราอยากขยาย เราต้องมีพร้อม แล้วไปเสนอลูกค้า ลูกค้าเห็นความพร้อมของเราก็จะรู้สึกเชื่อมั่น"
ธุรกิจของ ซริ้งเฟล็กซ์ ล้มลุกคลุกคลาน ลองผิดลองถูกในช่วง 3 ปีแรกของการดำเนินธุรกิจ จนปีที่ 4 จึงเริ่มเข้าที่ และสามารถสร้างรายได้เติบโตต่อเนื่อง โดย 3 ปีล่าสุด คือตั้งแต่ปี 2560 ทำรายได้ 391 ล้านบาท ปี 2561 ทำรายได้ 403 ล้านบาท และปี 2562 รายได้รวม 585 ล้านบาท เฉลี่ย มีการเติบโต 20-30% และไตรมาสแรกของปี 2563 ก็เติบโตแล้ว 18% แม้สภาพเศรษฐกิจโดยรวมจะไม่ดี แต่ธุรกิจฉลากฟิล์มหดรัดรูปยังเติบโต
ขณะนี้เดียวกัน ธุรกิจของลูกค้า ที่อยู่กว่า 100 ราย ล้วนมีการเติบโตทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น ด้วย 3 หัวใจหลัก คือ "บริหาร บริการ และใส่ใจ" จึงทำให้ธุรกิจเดินหน้า แม้จะมีวิกฤติหรือปัจจัยลบในตลาด
"การบริหาร" ที่ทำให้ธุรกิจของ ซริ้งเฟล็กซ์ เดินหน้าต่อเนื่อง คือ การบริหารแบบโปร่งใส่ จริงใจ และทำงานเป็นทีมเวิร์ค ทุกส่วนงานไม่ว่าจะเป็นฝ่ายการตลาด ฝ่ายขาย ฝ่ายผลิต หรือฝ่ายสร้างสรรค์ ต้องทำงานซัพพอร์ตซึ่งกันและกัน ส่วนของ "บริการ" คือการให้โซลูชั่นทุกอย่างที่ลูกค้าต้องการ ไม่ว่าจะใช้ ขวดพลาสติก ขวดแก้ว พร้อมคำแนะนำฟิล์มที่เหมาะสม การออกแบบ จนถึงขั้นตอนทดลองทำให้ดู และซีอีโอคนนี้ ยังเดินกำลังการผลิตนโรงงานตลอด 24 ชม. ทำให้สามารถตอบโจทย์งานเร่งด่วนของลูกค้าได้ และนั่นคือ "ความใส่ใจ" กับความต้องการของลูกค้า
"ทุกแผนกผมดูแลหมด เราเริ่มด้วยตัวเราเอง ก่อนนั้น โรงงานมีพนักงานแค่ 10 คน ตอนนี้ 400 กว่าคน การทำให้ลูกค้าสนใจเรา เราแอพโพสลูกค้า เราไม่เคยปล่อยให้ลูกค้าของเราหายไป เราค้าขาย เราเพิ่มมูลค่า ทำให้ลูกค้ามีกำไร"
ล่าสุด "ไมเคิล" กำลังนำบริษัท ซริ้งเฟล็กซ์ เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ แน่นอน ส่วนหนึ่งของการเข้าตลาด คือการหาเงินทุนมาขยายธุรกิจต่อ โดยการขยายโรงงานแห่งที่ 2 เพื่อรองรับอุตสาหกรรมที่เติบโตต่อเนื่อง และอีกสิ่งที่สำคัญ คือ การนำบริษัทเข้าตลาดฯ จะต้องมีมาตรฐานมากมาย ซึ่งมาตรฐานเหล่านั้น จะทำให้องค์กรของเขาแข็งแรงขึ้น และเป็นที่เชื่อถือมากยิ่งขึ้น
เป้าหมายสูงสุด ของบริษัทฯ ซีอีโอได้วาง วิชั่น - มิชชั่น ขณะนี้ คือ อยากเป็นที่หนึ่งของวงการฉลากทั้งไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่เมื่อเข้าตลาดฯ แล้ว หรือในอนาคต วิชั่น - มิชชั่น อาจเปลี่ยน เพราะทุกอย่างต้องปรับ เพื่อรองรับอนาคต แต่สิ่งหนึ่งที่เชื่อมั่นได้คือ บริษัทของเขายังคงเติบโตต่อเนื่องแน่นอน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า จะสามารถโตได้อีกไม่ต่ำกว่า 40-50% เพราะการขยายตัวของธุรกิจ และลูกค้าใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามา
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 หน้า 24 ฉบับที่ 3,610 วันที่ 16-18 กันยายน พ.ศ. 2563