กรมชลฯ เดินหน้าเพิ่มพื้นที่ชลประทาน 18 ล้านไร่ ตามยุทธศาสตร์ชาติ

21 ก.ค. 2563 | 14:05 น.

กรมชลประทานดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ฯ 20 ปี (2561-2580) เป้าหมายเพิ่มพื้นที่ชลประทานกว่า 18 ล้านไร่ เพิ่มปริมาณน้ำกักเก็บอีกกว่า 13,000 ล้านลบ.ม. เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งและบรรเทาอุทกภัย ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน 

นายประพิศ จันทร์มา รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทาน ได้เร่งรัดงานพัฒนาแหล่งน้ำต่างๆ โดยกำชับให้ทุกโครงการแล้วเสร็จภายในกรอบงบประมาณและระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้ใช้ประโยชน์จากโครงการได้อย่างเต็มศักยภาพ ตามนโยบายของรัฐบาล และแนวทางการพัฒนาแหล่งน้ำที่ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ และดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เร่งรัดในการพัฒนาแหล่งน้ำเดิมควบคู่กับการพัฒนาแหล่งน้ำใหม่
กรมชลฯ เดินหน้าเพิ่มพื้นที่ชลประทาน 18 ล้านไร่ ตามยุทธศาสตร์ชาติ

ประเทศไทยมีพื้นที่ประมาณ 320 ล้านไร่ เป็นพื้นที่การเกษตรประมาณ 149 ล้านไร่ เป็นพื้นที่มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นพื้นที่ชลประทานได้ประมาณ 60 ล้านไร่ ปัจจุบันพัฒนาพื้นที่ชลประทานไปแล้วกว่า 33 ล้านไร่ ยังคงเหลือประมาณ 27 ล้านไร่ ที่จะต้องดำเนินการต่อไป ซึ่งกรมชลประทานมีเป้าหมายที่จะพัฒนาพื้นที่ชลประทานให้ได้อีก 18 ล้านไร่ ในส่วนของปริมาณน้ำท่า มีเฉลี่ยปีละ 280,000 ล้านลูกบาศก์เมตร( ลบ.ม.) สามารถเก็บกักน้ำได้เพียง 82,000 ล้านลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 37 กรมชลประทานจึงต้องหาแนวทางเก็บกักน้ำให้ได้เพิ่มขึ้น เป้าหมายใน 20 ปีข้างหน้าคือเพิ่มปริมาณน้ำให้ได้ 13,000 ล้าน ลบ.ม. เพื่อเพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำของคนทั้งประเทศในอนาคต

เดินหน้า เพิ่มพื้นที่ชลประทาน 18 ล้านไร่

เดินหน้า เพิ่มพื้นที่ชลประทาน 18 ล้านไร่

กรมชลฯ เดินหน้าเพิ่มพื้นที่ชลประทาน 18 ล้านไร่ ตามยุทธศาสตร์ชาติ

นายประพิศ ย้ำว่า 4 ภารกิจสำคัญกรมชลประทาน คือ จัดหา จัดเก็บ จัดสรร และจัดการ” ในทุกขบวนการกรมชลประทานได้ให้ความสำคัญในขบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน และยึดมั่นในหลักการทรงงานตามแนวพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 คือ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา จากแนวพระราชดำรัส การรับฟังข้อเสนอของประชาชน เพื่อนำมาหาทางออกร่วมกัน เพื่อให้ได้แนวทางเหมาะสมที่สุดกับประชาชน หลายโครงการจึงเดินหน้าได้
 

สำหรับโครงการสำคัญตามนโยบายรัฐบาล ที่ให้กรมชลประทานเร่งดำเนินการ หลายโครงการสามารถเริ่มเก็บกักน้ำได้ และ พร้อมส่งน้ำให้ราษฎรในพื้นที่ต่างๆได้แล้ว และมีหลายโครงการที่คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 2-3 ปีข้างหน้า อาทิ โครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา จ.เชียงใหม่, โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.อุตรดิตถ์ , โครงการเขื่อนทดน้ำผาจุก จ.อุตรดิตถ์ , โครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา , โครงการปรับปรุงระบบชลประทานเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่าง (คลองระพีพัฒน์)