ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดระนองรายงานว่า จากการพบว่าบรรยากาศการท่องเที่ยว จ.ระนองมีความคึกคักอยู่จุดเดียว แตกต่างจากที่อื่นๆทั่วประเทศที่เงียบเหงาจากไวรัสโควิด-19 จากที่นักเสี่ยงโชคในหลายพื้นที่เดินทางมายังบ่อนที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน จ.ระนอง-เกาะสอ งเพื่อข้ามฟากไปเล่นการพนันเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน แม้ว่าทางการพม่าจะสั่งปิดด่านชายแดนห้ามชาวต่างชาติข้ามฟากไปยังฝั่งพม่า แต่พบว่าไม่ได้ห้ามคนไทยและชาวพม่า และนักเสี่ยงโชคส่วนใหญ่ก็เป็นคนไทย และพบว่าไม่ได้ลดจำนวนลงแต่ประการใด ทำให้ชาวบ้านจังหวัดระนองหลายคนบอกว่า อาจจะเป็นจุดบอดสำคัญที่อาจทำให้เกิดการแพร่เชื้อไวรัสได้
เนื่องจากนักเสี่ยงที่เดินทางมายัง จ.ระนองและข้ามฟากไปยังเกาะต่าง ๆ ที่ตั้งของบ่อนการพนัน และถูกเครื่องเทอร์โมสแกน ตรวจคัดกรองบริษัทท่าเทียบเรือ 2 จุดก่อนจะลงไปบ่อนการพนัน แต่พบว่าในบ่อนการพนันไม่ได้มีการเข้มงวด ในการเฝ้าระวังไวรัส เนื่องจากการเล่นการพนันต้องเป็นการรวมกลุ่มเป็นส่วนใหญ่และต้องอยู่ใกล้ชิดกัน ซึ่งอาจจะเป็นช่องว่างที่อาจจะเกิดการติดเชื้อได้ อีกทั้งนักเสี่ยงโชคต่างก็มาจากหลากหลายพื้นที่ ทั้งที่มีการระบาดและไม่ระบาด หลังจากนักการพนันเหล่านี้ขึ้นมาบนฝั่งยัง จ.ระนองก็จะถูกตรวจสอบคัดกรองด้วยเครื่องเทอร์โมสแกนอีกครั้ง แต่หากเพิ่งติดเชื้อก็สามารถผ่านการตรวจคัดกรองได้ และระหว่างทางก่อนที่จะออกจากจังหวัดระนอง อาจจะแวะพัก ทานอาหาร เข้าห้องน้ำ หรือพักโรงแรม เชื้ออาจฟักตัวในช่วงนั้น ซึ่งจะไม่สามารถตรวจพบได้ในการสกัดใน 2 จุดเข้า-ออก
ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ 20 มีนาคม 2563 นายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนองได้เรียกประชุมด่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และตัดสินใจที่จะปิดด่านชายแดนไทย-เมียนมา จ.ระนองทั้งหมด ยกเว้นด่านถาวรที่ต.ปากน้ำ เพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่ยังอนุโลมให้ชาวไทยและชาวเมียนมาข้ามฟากได้ ทำให้นักพนันที่เดินทางมาจากหลายพื้นที่ ต่างผิดหวัง และเริ่มทยอยออกจากเกาะขึ้นฝั่งเพื่อกลับภูมิลำเนา สร้างความสบายใจแก่ชาวระนองเป็นอย่างมาก