สมาคมกีฬาสเปเชียลโอลิมปิคแห่งประเทศไทย แต่งตั้ง “ซุปเปอร์แมน” บุญศักดิ์ พลสนะ อดีตนักแบดมินตันชายเดี่ยว มือ 4 ของโลก ที่สามารถคว้าแชมป์ประเทศไทยได้มากที่สุดถึง 13 สมัย เป็น“แบรนด์ แอมบาสเดอร์” หวังสร้างแรงบันดาลใจให้นักกีฬา สะท้อนความมุ่งมั่น ความตั้งใจ ให้ทุกเพศ ทุกวัย รวมถึงนักกีฬาผู้พิการทางสติปัญญาเข้าถึงได้ ตามยุทธศาสตร์หลักอันยิ่งใหญ่ของสมาคม ฯ
คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการการโอลิมปิกสากลในฐานะรองประธานสหพันธ์แบดมินตันโลก และนายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ด้วยความมุ่นมั่นอันแรงกล้าในฐานะนักกีฬาตัวอย่างของประเทศ ความมุ่งมั่น คือสิ่งที่ทำให้ "ซูเปอร์แมน" หรือ บุญศักดิ์ พลสนะ ยังคงเป็นขวัญใจชาวไทย และเป็นสิ่งที่นักแบดมินตันหรือนักกีฬาคนอื่นๆ ควรเอาเป็นตัวอย่าง เพราะผลงานของ "ซูเปอร์แมน” คือต้นกำเนิดของ "แบดมินตันไทย" ยุคใหม่ ความเป็น "มืออาชีพ" ที่ต้องยกให้เป็น"นักกีฬาตัวอย่าง" ที่ทำหน้าที่อย่างดี ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ จึงส่งเสริมและสนับสนุนให้จนได้รับการแต่งตั้งเป็น “แบรนด์ แอมบาสเดอร์” ของสเปเชียลโอลิมปิคประเทศไทย
“ในฐานะอดีตนักกีฬาแบดมินตันมือ 4 ของโลก บุญศักดิ์ไม่เพียงเป็นแรงบันดาลใจให้กับแฟนๆ ของเขาทั้งในและต่างประเทศ แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬาผู้พิการทางสติปัญญา เรามองความร่วมมือครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งโอกาสเป็นทั้งเครื่องมือพัฒนาทักษะทางด้านร่างกายและจิตใจของนักกีฬาที่พิการทางสติปัญญาและนักกีฬาทั่วไป” คุณหญิงปัทมากล่าว
ทั้งนี้ได้ร่วมเป็นแรงบันดาลใจให้นักกีฬาผู้พิการทางสติปัญญาและนักกีฬาทั่วไป ในการแข่งขันชิงแชมป์สเปเชียล โอลิมปิคเอเซียแปซิฟิค ยูนิฟายด์แบดมินตัน (1st Special Olympics Asia Pacific Unified Badminton Championship 2019) ครั้งแรกในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค เพื่อมุ่งหวังสร้างแรงบันดาลใจให้นักกีฬา สะท้อนความมุ่งมั่น ความตั้งใจให้กีฬาแบดมินตันเป็นกีฬาระดับโลก ให้ทุกเพศ ทุกวัย รวมถึงนักกีฬาผู้พิการทางสมองเข้าถึงได้ ตามยุทธศาสตร์หลักอันยิ่งใหญ่ของสมาคม ฯ
ด้านเรือตรีบุญศักดิ์ พลสนะ ในฐานะแบรนด์ แอมบาสเดอร์ ของสเปเชียลโอลิมปิคแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตนรู้สึกเป็นเกียรติ และภาคภูมิใจที่สมาคมให้โอกาสในการเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ครั้งแรกของการแข่งขันกีฬาดังกล่าว ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้มุ่งมั่น พยายามผลักดันให้คนไทยได้รู้จักการแข่งขันกีฬาสเปเชียล โอลิมปิคมากขึ้น ตลอดจนนำความรู้และทักษะด้านกีฬาเป็นสื่อกลางในการสื่อสารว่า กีฬาสามารถพัฒนาสมองได้เป็นอย่างดี เพราะสมองของคนเราแบ่งเป็นสองซีกคือ ซีกซ้ายกับซีกขวามีหน้าที่ต่างกัน ด้านขวาเกี่ยวข้องกับจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ ด้านซ้ายทำหน้าที่ในการคำนวณ ลำดับการตัดสินใจและการรับรู้ การฝึกหรือการออกกำลังประเภทที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง นอกจากจะช่วยกระตุ้นและพัฒนาร่างกายให้แข็งแกร่ง เสริมสร้างกล้ามเนื้อ และกระดูกโดยตรงแล้ว ยังช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาท และพัฒนากลไกการเคลื่อนไหวให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอีกด้วย ที่สำคัญการเคลื่อนไหวในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง หรือหลายรูปแบบ “อย่างเป็นระบบ” ตามขั้นตอน จะนำไปสู่การปรับตัวและการพัฒนาสมอง ซึ่งส่งผลให้นักกีฬาที่พิการทางสติปัญญามีพัฒนาการที่ดีขึ้น และสามารถใช้ชีวิตร่วมกับคนปกติได้อย่างมีความสุข
“บุคคลไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดก็ตามย่อม มีความเท่าเทียมกัน เสมอภาคกัน ในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นบุคคลธรรมดา หรือผู้พิการก็ย่อมได้รับสิทธิเท่ากัน ทางการกีฬาก็เช่นกันแม้ว่าจะเป็นผู้พิการแต่ก็มีสิทธิที่จะได้รับการส่งเสริมในการเล่นกีฬาสำหรับผู้พิการ เพื่อให้สังคมตระหนักถึงความสามารถของคนพิการที่เทียบเท่าคนปกติเป็นการเปิดโอกาส ให้คนพิการเข้ามามีส่วนร่วมกับสังคมมากขึ้น และมีพื้นที่ให้คนพิการแสดงความสามารถทางการกีฬา มีทักษะที่เป็นเลิศอยู่ในระดับมาตรฐานและเท่าเทียม กับคนปกติ สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างเท่าเทียม การส่งเสริมทักษะทางด้านกีฬาให้กับคนพิการจึงมีความสำคัญไม่แพ้การส่งเสริมทักษะอื่น ๆ ด้วยผลลัพธ์ที่ตามมานอกเหนือจากทักษะทางด้านกีฬาแล้วยังเป็นการส่งเสริมการเข้าสังคม การมีน้ำใจนักกีฬา การส่งเสริมความเป็นเลิศทางด้านกีฬา จนนำไปสู่การพัฒนาเป็นนักกีฬาระดับโลกได้” เรือตรีบุญศักดิ์ พลสนะกล่าว
เรือตรีบุญศักดิ์ พลสนะ เกิด 22 ก.พ. 2525 ภูมิลำเนา กรุงเทพฯ ผลงานเด่น : เข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิก 5 ครั้ง (ปี 2000, 2004, 2008, 2012, 2016), ผลงานดีที่สุดได้อันดับ 4 แบดมินตันชายเดี่ยว โอลิมปิก 2004 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ, ครองแชมป์ชายเดี่ยวประเทศไทย 13 สมัย, รองแชมป์เอเชีย 2006, เหรียญทอง ม.โลก 2007, แชมป์สิงค์โปร์ โอเพ่น ซูเปอร์ซีรี่ย์ 2007,2012, แชมป์ไทยแลนด์โอเพ่น 2004, แชมป์อินเดียโอเพ่น 2008เคยทำอันดับโลกดีที่สุดขึ้นไปครองมือ 4 ของโลก และได้ประกาศแขวนแร๊กเก๊ตอำลาสนามไปเมื่อปลายปี พ.ศ.2559 ที่ผ่านมา
ด้วยประสบการณ์ในฐานะนักกีฬามากว่า 20 ปี และมีสโมสรของตัวเอง จนได้ก่อตั้ง ''โรงเรียนสอนแบดมินตันพลสนะ'' ในรูปแบบครบวงจร ที่เป็นทั้งที่เก็บตัวและฝึกซ้อมของนักกีฬา ย่านสุขาภิบาล 5 บนเนื้อที่ไร่เศษ โดยใช้ความถนัดช่วยผลักดันวงการขนไก่ไทยให้พัฒนายิ่งขึ้นแล้ว เป็นหนึ่งในนักกีฬาที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นแบบอย่างที่ดีของเยาวชน